ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภาวะหุ้นและทอง 8-4-2010

ทอง : ทองคำเมื่อคืนยังขึ้นต่อแถมแรงซะด้วยจนผมต้องสละเวลานอนนิดนึง เพื่อศึกษาการวิ่งของราคาทองเมื่อคืน ก็ยังสรุปได้ที่สมมติฐานเดิมแบบเมื่อวานนี้ว่ามีการเก็งกำไรสูง เพราะวิ่งสวนปัจจัยพื้นฐานมากทีเดียว แล้วในช่วงเช้าจึงปรับฐานลงมาจาก 1154 ลงมาที่ 1145 เกือบ 10$ เลยทีเดียว....ทองคำเนี่ยเล่นยากจริงๆเลยนะครับ ผมเลยขอเกาะติดผู้เล่นรายใหญ่อย่าง กองทุนSPDR น่าจะดีที่สุด เมื่อคืนเค้าเข้ามาซื้อประมาณ 1 ตัน อาจทำให้เรารู้สึกมั่นใจได้ว่าทองคำจะขึ้นต่อ แต่ผมยังไม่ปักใจเชื่อนะครับ เพราะช่วงเกือบ 20 ตันในลอทหลังๆเนี่ย เค้าทยอยรับซื้อในช่วงขาลงมาตลอดจนกลับมาเป็นกำไรได้พอสมควรละ ยังไม่มีทีท่าจะปล่อยออกมา พอทองคำขยับจากราวๆ1085 มาที่ 1150 ถามหน่อยว่าไม่มีแรงจูงใจจะขายบ้างเหรอ ผจก.กองทุนSPDR ไม่อยากได้โบนัสเหรอครับ ฮ่าๆ

SET : เก็งกำไรกันมาเป็นเดือน นักลงทุนต่างชาติซื้อๆๆ...มาตลอดจนสะสมได้เกือบๆ 5หมื่นล้านแล้วครับ ถ้าดูทางเทคนิค ต้องบอกว่าเราเล่นหุ้นในระดับ Overbought มาตลอด ก็ต้องถามว่าหมูไม่กลัวน้ำร้อนกันบ้างเหรอครับ....แต่สำหรับคนกล้าก็ต้องตอบว่า เสือไม่กลัวน้ำร้อนแถมกำไรCapital gain 20%ขึ้นแล้ว ยังไม่นับรวมเงินปันผล โดยเฉพาะสำหรับหุ้นตัวใหญ่ๆที่ผมดูค่าเบต้าที่ใกล้เคียงกับตลาดนี่ Out perform ตลาดสุดๆ ก็ไม่ว่ากันแต่ต้องขอเตือนว่าอาจจะจบรอบเก็งกำไรสำหรับ wave 5 แล้วนะครับ เวลาขายแบบจบรอบ 5 เนี่ยเร็วมากๆนักลงทุนที่มีประสบการณ์ก็น่าจะเข้าใจดี ผมไม่อยากเปรียบเทียบ เพราะเป็นกรณีที่เลวร้ายสุดๆมากไป คือในกรณีช่วงที่มีการปล่อยข่าวอัปมงคลนั่นละ จบรอบwave5ชัดเจน หรืออาจบอกเป็นคำพูดได้ว่าราคาหุ้นได้ขึ้นมาในระดับที่เร็วและแรงเกินกว่าจะเก็งกำไรกันต่อได้แล้วก็ปิดเกมซะ

ก็ไม่ได้ขู่นะครับ แค่เตือนให้ระวังจึงแนะนำว่าเล่นสั้นเท่านั้น

ปล.บทความภาวะตลาดหุ้นและทอง จัดทำและส่งทางE-mailเป็นประจำทุกเช้า และจะเผยแพร่ทางBlogอย่างเร็วหลังปิดตลาดภาคเช้า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Margina

กระบวนการ(process) สำคัญกว่า ผลลัพธ์(output)

ฝากถึงน้องๆที่เรียนหรือทำงานสายการตลาด หรืองานใดที่มีเป้าหมาย(goal)เป็นสำคัญ รวมถึงท่านผู้บริหาร.... อย่าได้ไปสนใจผลลัพธ์[output] เป้าหมายหรือคะแนนที่ได้ มากจนเกินไป หลายครั้งที่ผลลัพธ์นั้นเป็นปัจจัยที่เราไม่อาจควบคุมได้ หรือต้องใช้โชคช่วย(ดวง) แต่ถ้าเรามีการทำงานหรือมีกระบวนการทำงาน(PROCESS)ที่ดี ...แม้ว่าผลลัพธ์วันนี้ยังไม่ดี จะขอให้เชื่อมั่น และมั่นใจ ในประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานที่ดี และมีคุณภาพ ว่าสักวันหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ดีจะต้องตามมา อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่หากบางท่านมีกระบวนการที่ไม่ดี แต่ดันโชคช่วยมีผลงานที่ดี ก็อย่าได้เบาใจ จะขอให้ จงระมัดระวัง ว่าผลลัพธ์หรือลูกค้าที่ดีนั้น จะอยู่กับท่านได้ไม่นาน หรืออาจจะไม่มีอีกต่อไปก็เป็นได้ เพราะว่าดวงที่ดี จะไม่มาช่วยท่านอยู่บ่อยๆหรอก สรุปคือ ... "กระบวนการดี ผลลัพธ์ดีแน่ กระบวนการไม่ดี ผลลัพธ์ไม่แน่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ อย่าบ้าผลลัพธ์มากจนเกินไป สิ่งสำคัญคือการพัฒนาการทำงาน ไม่ใช่ทำทุกทางเพื่อความสำเร็จ สำเร็จแล้วมิใช่เอาแต่ทำบุญหวังโชค หากต้องพัฒนาตนให้ก้าวต่อไปด้วย จึงจะมั่นคง" ปล.ต่อยอดความคิดจ

My Hero

ผมเคยได้ดูภาพยนต์ที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งชื่อว่า Batman-The Dark Knight และได้สรุปความลักษณะของฮีโร่คนนี้ได้ว่าเป็นบุคคลประเภท ปิดทองหลังพระ (ตามพระราชดำรัสของในหลวงที่เคารพยิ่งของเรา ที่หวังให้คนไทยเป็นคนดีให้ได้เช่นนี้บ้าง)กล่าวคือ เป็นผู้ซึ่งมีความต้องการช่วยเหลือผู้คนและขจัดความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆรวมทั้งชื่อเสียงและความมีหน้ามีตาในสังคม อีกทั้งยังได้ลงทุนลงแรงมากมายเพื่อให้สำเร็จตามประสงค์ของตนที่อยากได้สังคมที่ดีขึ้นกว่าที่เป็น ในชีวิตจริงนั้นคงเป็นไปได้ยากที่ในสังคมหนึ่งๆ หรือแม้แต่โลกทั้งใบกลมๆนี้จะมีคนเฉกเช่น Batman เพราะการทำดีในสังคมที่มีแต่อวิชชาหรือความโลภเป็นที่ตั้งนั้น กลับเป็นเรื่องยากที่ผู้ต้องการทำความดีที่อาจต้องมีการเสียสละเกิดขึ้น ซึ่งการเสียสละนี้จะเป็นต้นทุนหรือสิ่งที่เป็นผลเสียต่อคนที่ตั้งใจทำความดีนั้นให้ล้มเลิกความคิดไป หากแต่สิ่งที่เราได้ยินได้ฟังจากสื่อต่างๆนั้นการทำความดีต่างๆที่พบเจอ 90%หรือมากกว่านั้นเสียอีก คนที่ทำดีผู้นั้นเขาทราบดีว่าเขาจะได้ออกสื่อหรือแม้แต่เป็นผู้เชิญชวนสื่อให้มาทำข่าวในเรื่องที่เขาทำความดีด้วยตัวเอง ซึ่งพบ