ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภาวะหุ้นและทอง 20-4-2010

SET : “เกมส์เปลี่ยน ?” เมื่อวานนี้ช่วงครึ่งเช้าฝรั่งขาย 1200 ล้านแต่สิ้นวันกลับมาซื้อกว่า 1300 ล้านบาทแถม Long Future ไว้เป็นปริมาณมาก ต้องเรียนว่าข่าวดีๆที่มีนัยสำคัญต่อ SET ช่วงนี้ไม่มี ที่จริงแล้วมีแต่ข่าวลบคือ สถาบันจัดอันดับเครดิต-ฟิทซ์ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือไทยลง และการชุมนุมยึดเยื้อของคนเสื้อแดงที่จะไม่จบลงง่ายๆ......แต่ราคาของหุ้นใน SET แต่ละตัวถือว่าลงมาแรงมากๆในระยะเวลาอันสั้น นักลงทุนที่โทรมาสอบถามผมบอกเสมอๆว่าต้นทุนฝรั่งที่เข้ามาซื้อหุ้นตั้งแต่ 680จุดจนถึง820 จุด น่าจะอยู่ประมาณ 720-740 จนถึงเมื่อวานระดับ SET ได้ร่วงลงถึง 715 จุดก็เลยถูกช้อนซื้อขึ้นมาด้วยฝีมือของฝรั่งนั่นเอง

สรุป ปัจจัยด้านการลงทุนขึ้นอยู่กับฝรั่งกับการเมืองเป็นสำคัญ SET บ้านเราค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองจนอาจจะเรียกได้ว่าตามใจชอบ ขึ้น-ลงแรง ดังนั้นจึงต้องประเมิณกันวันต่อวัน

วันนี้ผมให้ความสำคัญกับการที่ฝรั่งเข้ามาซื้อแรงและ Long Future ไว้มากครับ

ทอง : ผมเห็นนักวิเคราะห์ต่างชาติให้ความสำคัญกับ goldman sach ซึ่งเค้าบอกว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ทองลง แล้วนักวิเคราะห์บ้านเราก็ลอกมาให้ผมกับนักลงทุนอ่าน ซึ่งโดยส่วนตัวผมไม่ได้เก่ง แต่ไม่เห็นด้วยเพราะมันเป็นเรื่องที่สวนกับปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะทำให้ทองคำขึ้น ดังนั้นเมื่อวานผมเชียร์ให้Long ที่ระดับ 1126 เช้านี้อยู่ที่ 1137 แล้วครับ อย่างไรก็ตามตอนนี้ gap ที่จะขึ้นอาจจะลำบากที่ 1140 เพราะแข็งเหลือเกิน ถ้ายังไม่ผ่านก็รอลุ้นให้ผ่านก่อนค่อยเข้าศื้อก็ได้ หรือถ้าคิดว่าผ่านแน่ๆก็ long ที่ตรงนี้เลยก็ได้ไม่ว่ากันครับ

ตลาดต่างประเทศ : DOW ก็เหมือนกับบ้านเราที่มีการลากดัชนีขึ้นไปสูงๆแล้วมีการทิ้งลงมาแรงด้วยการปล่อยข่าวร้ายเสร็จแล้วก็ปล่อยข่าวดีต่อ....เก็งกำไรกันสนุกสนานครับ....สรุป Trend การลงทุนทุกอย่างและทั่วโลก ไม่เหมาะกับการซื้อแล้วถือยาว ส่วนคำว่ายาวผมให้ไม่น่าเกิน 1 ปีหรือ 6 เดือนครับ

ปล.บทความภาวะตลาดหุ้นและทอง จัดทำและส่งทางE-mailเป็นประจำทุกเช้า และจะเผยแพร่ทางBlogอย่างเร็วหลังปิดตลาดภาคเช้า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Margina

กระบวนการ(process) สำคัญกว่า ผลลัพธ์(output)

ฝากถึงน้องๆที่เรียนหรือทำงานสายการตลาด หรืองานใดที่มีเป้าหมาย(goal)เป็นสำคัญ รวมถึงท่านผู้บริหาร.... อย่าได้ไปสนใจผลลัพธ์[output] เป้าหมายหรือคะแนนที่ได้ มากจนเกินไป หลายครั้งที่ผลลัพธ์นั้นเป็นปัจจัยที่เราไม่อาจควบคุมได้ หรือต้องใช้โชคช่วย(ดวง) แต่ถ้าเรามีการทำงานหรือมีกระบวนการทำงาน(PROCESS)ที่ดี ...แม้ว่าผลลัพธ์วันนี้ยังไม่ดี จะขอให้เชื่อมั่น และมั่นใจ ในประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานที่ดี และมีคุณภาพ ว่าสักวันหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ดีจะต้องตามมา อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่หากบางท่านมีกระบวนการที่ไม่ดี แต่ดันโชคช่วยมีผลงานที่ดี ก็อย่าได้เบาใจ จะขอให้ จงระมัดระวัง ว่าผลลัพธ์หรือลูกค้าที่ดีนั้น จะอยู่กับท่านได้ไม่นาน หรืออาจจะไม่มีอีกต่อไปก็เป็นได้ เพราะว่าดวงที่ดี จะไม่มาช่วยท่านอยู่บ่อยๆหรอก สรุปคือ ... "กระบวนการดี ผลลัพธ์ดีแน่ กระบวนการไม่ดี ผลลัพธ์ไม่แน่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ อย่าบ้าผลลัพธ์มากจนเกินไป สิ่งสำคัญคือการพัฒนาการทำงาน ไม่ใช่ทำทุกทางเพื่อความสำเร็จ สำเร็จแล้วมิใช่เอาแต่ทำบุญหวังโชค หากต้องพัฒนาตนให้ก้าวต่อไปด้วย จึงจะมั่นคง" ปล.ต่อยอดความคิดจ

My Hero

ผมเคยได้ดูภาพยนต์ที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งชื่อว่า Batman-The Dark Knight และได้สรุปความลักษณะของฮีโร่คนนี้ได้ว่าเป็นบุคคลประเภท ปิดทองหลังพระ (ตามพระราชดำรัสของในหลวงที่เคารพยิ่งของเรา ที่หวังให้คนไทยเป็นคนดีให้ได้เช่นนี้บ้าง)กล่าวคือ เป็นผู้ซึ่งมีความต้องการช่วยเหลือผู้คนและขจัดความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆรวมทั้งชื่อเสียงและความมีหน้ามีตาในสังคม อีกทั้งยังได้ลงทุนลงแรงมากมายเพื่อให้สำเร็จตามประสงค์ของตนที่อยากได้สังคมที่ดีขึ้นกว่าที่เป็น ในชีวิตจริงนั้นคงเป็นไปได้ยากที่ในสังคมหนึ่งๆ หรือแม้แต่โลกทั้งใบกลมๆนี้จะมีคนเฉกเช่น Batman เพราะการทำดีในสังคมที่มีแต่อวิชชาหรือความโลภเป็นที่ตั้งนั้น กลับเป็นเรื่องยากที่ผู้ต้องการทำความดีที่อาจต้องมีการเสียสละเกิดขึ้น ซึ่งการเสียสละนี้จะเป็นต้นทุนหรือสิ่งที่เป็นผลเสียต่อคนที่ตั้งใจทำความดีนั้นให้ล้มเลิกความคิดไป หากแต่สิ่งที่เราได้ยินได้ฟังจากสื่อต่างๆนั้นการทำความดีต่างๆที่พบเจอ 90%หรือมากกว่านั้นเสียอีก คนที่ทำดีผู้นั้นเขาทราบดีว่าเขาจะได้ออกสื่อหรือแม้แต่เป็นผู้เชิญชวนสื่อให้มาทำข่าวในเรื่องที่เขาทำความดีด้วยตัวเอง ซึ่งพบ