ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภาวะหุ้นและทอง 27-4-2010

SET : SET วันนี้น่าจะปรับตัวลงเป็นอย่างยิ่งหลังจากไม่ผ่านแนวต้านสำคัญที่ 770 ซึ่งในระยะสั้นๆได้ขึ้นมาทดสอบแล้วถึง 3 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันทำการ 5-6 วันล่าสุดถือได้ว่า SET ได้ปรับตัวขึ้นมาแรงหลังจากลงแรงเพราะแรงเทขาย (ไม่ถึงระดับPanic )จากการรับข่าวประชาชนยิงกันเองที่สีลม แต่ปริมาณการซื้อขายกลับลดลงๆเรื่อยๆซึ่งเป็นความขัดแย้งที่จะทำให้หุ้นขึ้น กล่าวคือของดีก็ต้องมีแต่คนอยากได้ก็ต้องแย่งกันซื้อ,ปริมาณการซื้อขายก็ต้องเพิ่มขึ้น ราคาจึงสูงตามลำดับ

แต่ก็อีกละครับ SET บ้านเรายิ่ง ปริมาณการซื้อขายน้อย ก็อาจยิ่งถูกทำราคาเพื่อเข้าไปเก็งกำไรได้ง่าย โดยเฉพาะกำไรจาก SET50 Future ในตลาด TFEX ซึ่งจะอ้างอิงตลาด SET ที่เรียกว่าSpot เป็นสำคัญ เมื่อวานสถาบันซื้อ 1171 ล้านบาท แต่ Short s50future สุทธิ 600 สัญญา อันนี้ผมเข้าใจว่าเป็น Short Closeซะมากเพราะวันก่อนหน้ามี Long ไว้เยอะและก็ฝรั่ง Long S50 future สุทธิกว่า 1000 สัญญา คาดการณ์ของผมคือวันนี้ถึงตลาดจะลงแต่ก็น่าจะมีเขยี วให้เห็น แต่ถ้าขึ้นก็จะแรงจนสามารถ break 770 ได้

คำถามก็คือ แล้วจะต้องทำยังไง ผมก็คงแค่ตอบได้ว่าลงแรงซื้อ 30-40 % ลงเบาซื้อ 10-20 % ....ขึ้นแล้วมีกำไรทยอยขายทันที…. เก็งกำไรก็ต้อง Net Settlementให้ได้ แต่หากเปิด Gap ช่วงเช้ากระโดดเยอะให้ไปรอเล่นช่วงบ่ายเลยทำอย่างนี้น่าจะ ปลอดภัยและมีของด้วยนะครับ

สังเกตดู บล.กิมเอ็ง เชียร์ให้เข้าเก็งกำไร SMT , KCE ต่อเนื่อง ประเด็นผลการดำเนินงาน 1Q53 คาดว่าจะขยายตัวโดดเด่น และGloblex เองชอบให้สะสม TTW ส่วนตัวชอบกลุ่มพลังงานลงทุนได้ เก็งกำไรได้อีกต่างหากครับ

ปล.บทความภาวะตลาดหุ้นและทอง จัดทำและส่งทางE-mailเป็นประจำทุกเช้า และจะเผยแพร่ทางBlogอย่างเร็วหลังปิดตลาดภาคเช้า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Margina

กระบวนการ(process) สำคัญกว่า ผลลัพธ์(output)

ฝากถึงน้องๆที่เรียนหรือทำงานสายการตลาด หรืองานใดที่มีเป้าหมาย(goal)เป็นสำคัญ รวมถึงท่านผู้บริหาร.... อย่าได้ไปสนใจผลลัพธ์[output] เป้าหมายหรือคะแนนที่ได้ มากจนเกินไป หลายครั้งที่ผลลัพธ์นั้นเป็นปัจจัยที่เราไม่อาจควบคุมได้ หรือต้องใช้โชคช่วย(ดวง) แต่ถ้าเรามีการทำงานหรือมีกระบวนการทำงาน(PROCESS)ที่ดี ...แม้ว่าผลลัพธ์วันนี้ยังไม่ดี จะขอให้เชื่อมั่น และมั่นใจ ในประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานที่ดี และมีคุณภาพ ว่าสักวันหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ดีจะต้องตามมา อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่หากบางท่านมีกระบวนการที่ไม่ดี แต่ดันโชคช่วยมีผลงานที่ดี ก็อย่าได้เบาใจ จะขอให้ จงระมัดระวัง ว่าผลลัพธ์หรือลูกค้าที่ดีนั้น จะอยู่กับท่านได้ไม่นาน หรืออาจจะไม่มีอีกต่อไปก็เป็นได้ เพราะว่าดวงที่ดี จะไม่มาช่วยท่านอยู่บ่อยๆหรอก สรุปคือ ... "กระบวนการดี ผลลัพธ์ดีแน่ กระบวนการไม่ดี ผลลัพธ์ไม่แน่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ อย่าบ้าผลลัพธ์มากจนเกินไป สิ่งสำคัญคือการพัฒนาการทำงาน ไม่ใช่ทำทุกทางเพื่อความสำเร็จ สำเร็จแล้วมิใช่เอาแต่ทำบุญหวังโชค หากต้องพัฒนาตนให้ก้าวต่อไปด้วย จึงจะมั่นคง" ปล.ต่อยอดความคิดจ

My Hero

ผมเคยได้ดูภาพยนต์ที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งชื่อว่า Batman-The Dark Knight และได้สรุปความลักษณะของฮีโร่คนนี้ได้ว่าเป็นบุคคลประเภท ปิดทองหลังพระ (ตามพระราชดำรัสของในหลวงที่เคารพยิ่งของเรา ที่หวังให้คนไทยเป็นคนดีให้ได้เช่นนี้บ้าง)กล่าวคือ เป็นผู้ซึ่งมีความต้องการช่วยเหลือผู้คนและขจัดความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆรวมทั้งชื่อเสียงและความมีหน้ามีตาในสังคม อีกทั้งยังได้ลงทุนลงแรงมากมายเพื่อให้สำเร็จตามประสงค์ของตนที่อยากได้สังคมที่ดีขึ้นกว่าที่เป็น ในชีวิตจริงนั้นคงเป็นไปได้ยากที่ในสังคมหนึ่งๆ หรือแม้แต่โลกทั้งใบกลมๆนี้จะมีคนเฉกเช่น Batman เพราะการทำดีในสังคมที่มีแต่อวิชชาหรือความโลภเป็นที่ตั้งนั้น กลับเป็นเรื่องยากที่ผู้ต้องการทำความดีที่อาจต้องมีการเสียสละเกิดขึ้น ซึ่งการเสียสละนี้จะเป็นต้นทุนหรือสิ่งที่เป็นผลเสียต่อคนที่ตั้งใจทำความดีนั้นให้ล้มเลิกความคิดไป หากแต่สิ่งที่เราได้ยินได้ฟังจากสื่อต่างๆนั้นการทำความดีต่างๆที่พบเจอ 90%หรือมากกว่านั้นเสียอีก คนที่ทำดีผู้นั้นเขาทราบดีว่าเขาจะได้ออกสื่อหรือแม้แต่เป็นผู้เชิญชวนสื่อให้มาทำข่าวในเรื่องที่เขาทำความดีด้วยตัวเอง ซึ่งพบ