ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภาวะทองคำ gold future 18-1-55




แน่นอนที่ว่าพวกเราได้คอมเฟิร์มการเป็น SAfe haven ของทองคำมาประมาณweek กว่าๆและได้เข้าทำการซื้อหรือ Long Goldเก็บเข้าพอร์ทกันแล้ว(ในทางเทคนิค-ก่อนการเกิดGolden Cross ด้วยซ้ำ) อย่างไรก็ดี ราคาทองคำก็ไม่ได้แปรผันในทิศทางตรงกันข้ามกับ EurUsdซะทีเดียว หรือเรียกได้ว่าบทจะขึ้นแล้วก็จะขึ้นท่าเดียวก็ได้ .....ช่วงนี้สำหรับEuropeเองแม้จะโดนซ้ำเติมโดยS&Pแต่ก็มีMoodyเข้ามาช่วย ทำให้การขายหนี้(พันธบัตร)สำเร็จเป็นระยะๆไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยที่เสริมเข้ามาซึ่งเป็นSeasonal Demand : เช่นตรุษจีน จึงทำให้เกิดแรงซื้อขึ้นไปต่อเรื่อยๆ แม้บทสรุปความเป็น Safe havenของทองคำจะไม่แน่นอนที่สุด(absoulte)ซะทีเดียว  เพื่อที่จะhold long position ไปลุ้นขาขึ้นเต็มตีน(ขออภัยถ้าเห็นว่าไม่สุภาพ แต่เพื่อความชัดเจนครับ ^^) ในเดือน มีค.ซึ่งจะถึงกำหนดที่ bond กรีซจะหมดอายุแล้วลูกหนี้รายนี้มีภาระต้องจ่ายหนี้ประมาณ 3แสนล้านEU ซึ่งทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า "ไม่มีจ่ายแน่ๆ"  ลูกหนี้รายนี้ก็แสนน่ารักขอการชำระเงินด้วยเทคนิคทางการเงินอันซับซ้อนซึ่งชาวบ้านอย่างเราไม่พึงรู้ เอาเป็นว่าขอจ่ายแค่ 1แสนล้านEU  -__-"  ถึงจะอย่างนั้นชาวโลกก็ยังเสียวไส้ว่าจะยังไม่มีเงินจ่ายอยู่ดีครับผม


อย่างไรก็ดีผมได้จัดส่งข่าวบทความนึงเข้าไปหาท่านราวๆ2-3วันก่อน คือ มีการค้นพบเหมืองทองขนาดใหญ่ที่ประเทศพม่า โดยที่เหมืองทองคำนี้มีศักยภาพพอที่จะสามารถผลิตทองคำหลายพันตันไปอีกหลายปีข้างหน้า เท่าที่ผมพอมีเวลาจะตรวจสอบบทวิเคราะห์จากหลายแหล่งคร่าวๆ  ไม่ค่อยมีคนเล่นประเด็นนี้เท่าไรนัก อันที่จริงก็ถูกต้องเพราะมันวิเคราะห์ยาก ซึ่งประเด็นอาจจะไปสัมพันธ์กับเรื่องการเมืองระหว่างประเทศซึ่งซับซ้อนเกินไป  สำหรับท่านที่ติดตามข่าวสารต่างประเทศคงพอจะได้ยินข่าวว่า ผู้นำประเทศนี้ ผู้นำประเทศนั้น ซึ่งแล้วแต่เป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจ ต่างกรูกันเข้าไป say hello กับประเทศพม่า โดยส่วนใหญ่ก็จะอ้างการเข้าพบนาง อองซาน ซูจี ด้วยเหตุผลของการส่งเสริมประชาธิปไตย (นักการเมืองทั่วโลกอ้างคำนี้ขึ้นมาเพื่อทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น) อันที่จริงแล้วผมก็คงไม่รู้รายละเอียดว่าเค้าจะคุยกันหลังฉากอย่างไร แต่ผมรู้ว่าหากพม่ามีการผลิตและปล่อยทองคำจากเหมืองทองที่มีขนาดใหญ่มหาศาลนี้ จะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำโลก และราคาทองคำที่หลายๆประเทศทั่วโลกสำรองไว้เป็นปริมาณมหาศาลแน่นอน ด้วยหลักการทางเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นง่ายๆที่ว่า Supply+มากขึ้น (ในขณะที่ Demand คงที่) = ราคา-ปรับลงตามกลไกตลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


ตามที่กล่าวไว้ในวรรคที่สอง ผมไม่อาจไปวิเคราะห์ว่าทองคำมันจะปรับลงด้วยเหตุผลนี้ในช่วงนี้ครับ เพราะบอกแล้วว่ามันยากเกินไปที่จะวิเคราะห์ ที่กล่าวมา"แค่แจ้งข่าว"ให้ท่านรับทราบเอาไว้ เพราะราคาทองมันอาจจะไม่ปรับลงด้วยเหตุผลนี้ไปอีกสิบปีจากนี้ก็เป็นไปได้ ที่ผมหวังไว้จริงๆกับเรื่องนี้ก็คือ คงไม่มีตำรวจโลก (มะ.กัน) จะมาหาเรื่องแจ้งจับและยึดทรัพย์อย่างที่เคยทำกับประเทศในตะวันออกกลางมาแล้วกันนะครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Mar...

ภาวะหุ้นและทอง 2-7-10

ทอง : รายงานการใช้สิทธิเคลมการว่างงานในสหรัฐพุ่งสูงขึ้นเป็นทวีคูณ จาก 13000 เป็น 472000 ทำให้เงิน $ อ่อนยวบ และตามปัจจัยพื้นฐานนี้ อันที่จริงเท่าที่คำนวณน่าจะทำให้ทองคำบวกขึ้นไปประมาณ + 20 $ ได้ครับ แต่เหตุการณ์ที่เป็นบวกเช่นนี้กลับถูกแรงขายอย่างหนัก นำโดย SPDR แต่ก็ขายเพียงแค่ 1.22 ตันเท่านั้น ผสมโรง Follow by กองทุนทองคำต่างๆก็ขายออกมาตามกันทำให้ทองคำร่วงไปถึง 1195 ถือว่ารุนแรงมาก เมื่อเทียบ จาก ปริมาณขายที่ดูไม่ค่อยจะมากเท่าไรนัก ผมตื่นเช้ามาโดยหวังว่าน่าจะ Rebound กลับไปที่ 1215 ได้สบายๆแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ขณะที่เขียนเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1202 เท่านั้น ปัจจัยทางเทคนิคที่เราเคยใช้เจ้า SMA 21 วันทำกำไรมา 3-4 รอบนั้นเป็นอันต้องลืมไปก่อนแล้วมาหาจุดสังเกตุกันใหม่ ตอนนี้น่าจะดูที่แนวรับ EMA (E=exponential) 75 วัน ซึ่งให้แนวรับที่ 1194 อันเป็นจุดที่ราคาลงมาทดสอบครั้งนึงแล้วไม่หลุดนั่นเองครับ รายงาน จาก สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าคนจะนำเงิน จาก การขายทองเพื่อไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลเนื่อง จาก ความผันผวนทางเศรษฐกิจ .... อ้าว....ตกลงทองไม่ใช่ Save Haven แล้วหรือ ก็ว่า...

Carbon credit ,ไม่ใช่เรื่องใหม่ มาอ่าน เข้าใจกันง่ายๆดีกว่า

"ผลกำไรของเอกชน เป็นของเอกชนเจ้านั้นๆ แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นั่นเป็นของสังคมโดยรวม" การทำธุรกิจเพื่อหวังผลกำไร แต่การดำเนินงานนั้นอาจจะส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมเป็นผลลบสู่สังคม หรือทำให้สังคมขาดทุน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการผลิต  เช่น การผลิตรถยนต์นั้น ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการปล่อย Co2 ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้ จนทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก หรือเรียกว่า greenhouse effect  ....นี่เป็นต้นทุนทางสังคม Benefit-cost เราเรียกการทำให้สังคมเสียหายนี้ว่า Negative externalities แปลเป็นไทยแบบภาษาพูดง่ายๆ ก็คือ การประกอบธุรกิจเพื่อหวังผลกำไรของเอกชน(หรืออุตสาหกรรมต่างๆ) กำไรเป็นของเอกชน ซึ่งเป็นเรื่องภายในของคุณ แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของสังคมนั้นเสียหาย ซึ่งก่อผลกระทบสู่ภายนอก ในปี 2005 ภายหลังที่ บิล คลินตัน ออกมารณรงค์เรื่องโลกเขียว (รักษาสิ่งแวดล้อม) สถิติจากWorld Resources  ระบุว่า สหรัฐฯพี่ใหญ่เป็นคนปล่อยCo2สูงสุดปีละ 5.7 พันล้านตัน อันดับ 2 คือจีน 3.4 พันล้านตัน อันดับ 3 คือ รัสเซีย 1.5 พันล้านตัน ญี่ปุ่น 1.2 พันล้านตัน อังกฤษ 558 ล้านตัน ส่วนไทย 172 ล้านตัน...