ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เอาไงดีกับตลาด Side way ?







ช่วงตลาดSidewayแบบนี้ขึ้น-ลงพอๆกัน ก็คือ50-50 ได้ลุ้นมากกว่าพนันบอลนิดนึง แพ้-ชนะ-เสมอ ก็คือ33-66 ....ถึงความเป็นไปได้เป็นแบบนี้ แต่คนมีวิชาก็ย่อมมีความได้เปรียบมากกว่าคนไม่รู้อยู่ดี โดยใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสถาณการณ์เพื่อสร้างโอกาสชนะให้มากขึ้น

ถ้าเล่น Follow trend ยังไงก็โดน เพราะหลายๆครั้งบทมันจะ Break ทะลุแนวต้านไปสักแปปเดียวแล้วก็กลับตัว(reverse)ทันที ว่ากันว่า "เขย่าหลอก"

เท่าที่สังเกตช่วงนี้เล่นแบบเหวี่ยงน่าจะดีกว่า เหวี่ยงคือ ลงเยอะๆเริ่มกลับตัวนิดนึงก็ Long ,ขึ้นเยอะๆเริ่มกลับตัวก็ Short

เครื่องมือจับทิศทางเหวี่ยงที่Traderระดับโลกหลายๆคนนิยมใช้ คือ stochastic oscillator ใช้ Slow,กับ Modifiled ไม่ใช้ Fast เพราะไม่ Smooth นำมาดูประกอบกับ RSI ก็น่าจะเข้าที

หลังจากเปิด Positionแล้วก็ให้ไปตั้งBreak lossทันทีที่จุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุด เผื่อไปอีกสัก2-3จุด (เผื่อเพื่อดัก error)---ข้อเสียของการเทรดแบบเหวี่ยง คือ กำไรน้อยแล้วก็ต้องเทรดบ่อย แต่สามารถเอาตัวรอดจากตลาด Side wayได้

แต่ถ้ามันหลุดจาก Side wayได้แล้วเริ่มทำTrend อาจใช้confirmจังหวะซื้อโดยใช้ MACD จากนั้นเราก็เริ่มทำ Trailing Stop เช่นกัน เพื่อเอากำไรรอบใหญ่ ถ้าเกิดเป็นStrong Trendแล้วเราวาง Stop lossอย่างเหมาะสม แค่ครั้งเดียวก็คุ้มค่ากับการเรียกกำไรคืนหลังจากหัวเสียกับ Sidewayมานานครับ

หมายเหตุ : ภาพประกอบอธิบาย Strong trend [Strong trend : ADX>20 , Side way : ADX<20] , ADX [Average Directional Index] คือ indicatorเส้นสีดำหนาด้านล่างครับ
แล้วก็คลิปวีดีโออธิบายการทำ trailing stop ครับ


ความคิดเห็น

@ Maxy life กล่าวว่า
เยี่ยมเลยครับ ขอบคุณครับ
จะลองเอาไปใช้ดูนะครับ
Jarutat กล่าวว่า
ยินดีครับ ได้ผลอย่างไรมาแจ้งกันให้ทราบด้วยนะ ^^

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Margina

กระบวนการ(process) สำคัญกว่า ผลลัพธ์(output)

ฝากถึงน้องๆที่เรียนหรือทำงานสายการตลาด หรืองานใดที่มีเป้าหมาย(goal)เป็นสำคัญ รวมถึงท่านผู้บริหาร.... อย่าได้ไปสนใจผลลัพธ์[output] เป้าหมายหรือคะแนนที่ได้ มากจนเกินไป หลายครั้งที่ผลลัพธ์นั้นเป็นปัจจัยที่เราไม่อาจควบคุมได้ หรือต้องใช้โชคช่วย(ดวง) แต่ถ้าเรามีการทำงานหรือมีกระบวนการทำงาน(PROCESS)ที่ดี ...แม้ว่าผลลัพธ์วันนี้ยังไม่ดี จะขอให้เชื่อมั่น และมั่นใจ ในประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานที่ดี และมีคุณภาพ ว่าสักวันหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ดีจะต้องตามมา อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่หากบางท่านมีกระบวนการที่ไม่ดี แต่ดันโชคช่วยมีผลงานที่ดี ก็อย่าได้เบาใจ จะขอให้ จงระมัดระวัง ว่าผลลัพธ์หรือลูกค้าที่ดีนั้น จะอยู่กับท่านได้ไม่นาน หรืออาจจะไม่มีอีกต่อไปก็เป็นได้ เพราะว่าดวงที่ดี จะไม่มาช่วยท่านอยู่บ่อยๆหรอก สรุปคือ ... "กระบวนการดี ผลลัพธ์ดีแน่ กระบวนการไม่ดี ผลลัพธ์ไม่แน่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ อย่าบ้าผลลัพธ์มากจนเกินไป สิ่งสำคัญคือการพัฒนาการทำงาน ไม่ใช่ทำทุกทางเพื่อความสำเร็จ สำเร็จแล้วมิใช่เอาแต่ทำบุญหวังโชค หากต้องพัฒนาตนให้ก้าวต่อไปด้วย จึงจะมั่นคง" ปล.ต่อยอดความคิดจ

My Hero

ผมเคยได้ดูภาพยนต์ที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งชื่อว่า Batman-The Dark Knight และได้สรุปความลักษณะของฮีโร่คนนี้ได้ว่าเป็นบุคคลประเภท ปิดทองหลังพระ (ตามพระราชดำรัสของในหลวงที่เคารพยิ่งของเรา ที่หวังให้คนไทยเป็นคนดีให้ได้เช่นนี้บ้าง)กล่าวคือ เป็นผู้ซึ่งมีความต้องการช่วยเหลือผู้คนและขจัดความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆรวมทั้งชื่อเสียงและความมีหน้ามีตาในสังคม อีกทั้งยังได้ลงทุนลงแรงมากมายเพื่อให้สำเร็จตามประสงค์ของตนที่อยากได้สังคมที่ดีขึ้นกว่าที่เป็น ในชีวิตจริงนั้นคงเป็นไปได้ยากที่ในสังคมหนึ่งๆ หรือแม้แต่โลกทั้งใบกลมๆนี้จะมีคนเฉกเช่น Batman เพราะการทำดีในสังคมที่มีแต่อวิชชาหรือความโลภเป็นที่ตั้งนั้น กลับเป็นเรื่องยากที่ผู้ต้องการทำความดีที่อาจต้องมีการเสียสละเกิดขึ้น ซึ่งการเสียสละนี้จะเป็นต้นทุนหรือสิ่งที่เป็นผลเสียต่อคนที่ตั้งใจทำความดีนั้นให้ล้มเลิกความคิดไป หากแต่สิ่งที่เราได้ยินได้ฟังจากสื่อต่างๆนั้นการทำความดีต่างๆที่พบเจอ 90%หรือมากกว่านั้นเสียอีก คนที่ทำดีผู้นั้นเขาทราบดีว่าเขาจะได้ออกสื่อหรือแม้แต่เป็นผู้เชิญชวนสื่อให้มาทำข่าวในเรื่องที่เขาทำความดีด้วยตัวเอง ซึ่งพบ