ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Gold future , Silver Future @ night trade เอายังไงดี?

ในเดือน มิย.ที่จะถึงนี้ตลาดจะเปิดให้ทำการซื้อขาย Gold future รวมถึงสินค้าอนุพันธ์ตัวใหม่ Silver future ถึง 22.30 น. ถือเป็นนิมิตหมายใหม่ ที่ผมยังคิดๆอยู่ว่าเราควรจะดีใจหรือเสียใจกับข่าวนี้ดี?

ดีใจ คือ : เราได้โอกาสเทรดในช่วงเวลาสำคัญ กล่าวคือ เป็นเวลาคาบเกี่ยวในตลาด London และ New York : Nymex (ในช่วงเช้าบ้านเค้า) ทำให้ไม่พลาดจังหวะราคาสำคัญๆที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ที่จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างมากเพราะมี Dominat player รายสำคัญๆในตลาดช่วงเวลานี้ ตื่นขึ้นมาทำงานกันอย่างขมักเขม้น เมื่อผู้เล่นรายใหญ่อยู่ในตลาดช่วงดังกล่าว ช่วงเวลานี้จึงผันผวนมากกว่าช่วงเวลาอื่น เพราะ Dominant player สามารถกำหนดทิศทางราคาได้ในระดับหนึ่ง (หากไม่เข้าใจให้นึกถึง ฝรั่ง ในตลาด SET) ในเมื่อเวลาดังกล่าวนี้เราสามารถ take action ได้ ก็อาจทำให้ไม่พลาดจังหวะซื้อขายสำคัญๆให้หลุดมือไปได้

เสียใจ คือ :

  • ในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นเวลาดึก จะเป็นการทรมารสุขภาพและจิตใจเกินไปมั้ยหากต้องการเกาะติดราคาที่เราต้องการซื้อขาย และจะมีความสุขกับการลงทุนได้มั้ย
  • ในตลาดช่วงดังกล่าวมีเซียนอยู่เต็มตลาดมากมาย แม้กระทั่ง SPDR ที่เป็น พี่บิ๊กในวงการก็ไม่อาจtradeได้สัมฤทธิ์ผลเท่าที่ควร ยิ่งช่วงหลังๆราคาทองและเงิน เป็นสิ่งที่นักลงทุนทั่วโลกสนใจที่จะเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก และที่เป็น big player ระดับกองทุนก็มีไม่น้อย ผลกระทบของการมีเซียนอยู่เต็มตลาด คือ จะมีการหลอกราคาในทางจิตวิทยาอยู่หลายครั้งหลายครา แต่ไม่จะหลอกหรือจะจริงคุณก็ไม่มีทางรู้อยู่ดี(ใช่มั้ย) มารู้เอาสุดท้ายจริงๆก็อีตอนที่ราคามันวิ่งปู๊ดไปแล้ว ถ้าถูกทางก็ดีไป
  • ตลาดบ้านเราปิดทำการแค่ 22.30 น แต่หลังจากนั้นทองคำและเงินก็ยัง trade กันต่อ โดยจะส่งผ่านไปยัง Ny globlex และต่อไปถึง Sydney > Hongkong จนถึงเช้าบ้านเรา
  • ที่เราเคยได้เปรียบจากการที่ปล่อยให้เค้าสู้รบกันให้เสร็จพอส่งผ่านมาถึงมือเรานั้น ราคามันก็จะนิ่งๆ จึงทำให้เรามีเวลาคิดและกำหนดกลยุทธ์ได้นานก่อนที่จะทำการซื้อขาย
  • อารมณ์ของเรา แน่นอนเมื่อเห็นราคามันผันผวน หลายคนคงจะคันไม้คันมืออดเทรดไม่ได้ ถ้าสามารถเอาชนะเซียนได้ก็ดีไป แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าตลาดที่ผันผวนรุนแรงมันเอาชนะได้ยากเพียงไร ให้ลองมาเล่น SET 50 Future ดูนะ


สรุปไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจ ยังไงก็ต้องมีผู้ชนะ(wealth+) ผู้แพ้(wealth-)อยู่ดี เพราะมันเป็นเรื่องของ Zero sum game จึงเกิดการถ่ายโอน wealthของผู้แพ้มายังผู้ชนะ(นี่ัมันสงครามkeyboardชัดๆ) แต่ที่แน่ๆพวกเราหลายคนอาจเริ่มมี plan B เอาไว้ในใจบ้างแล้วจริงมั้ย  ส่วนผมแบบไหนก็ได้ขอให้มีกำไรและมีความสุขในการลงทุนให้สมดุลกันทั้งสองอย่างก็เป็นดีที่สุดครับผม

ปล.ข้อมูลเพิ่มเติม http://goodnum.blogspot.com/2010/07/blog-post.html


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Margina

กระบวนการ(process) สำคัญกว่า ผลลัพธ์(output)

ฝากถึงน้องๆที่เรียนหรือทำงานสายการตลาด หรืองานใดที่มีเป้าหมาย(goal)เป็นสำคัญ รวมถึงท่านผู้บริหาร.... อย่าได้ไปสนใจผลลัพธ์[output] เป้าหมายหรือคะแนนที่ได้ มากจนเกินไป หลายครั้งที่ผลลัพธ์นั้นเป็นปัจจัยที่เราไม่อาจควบคุมได้ หรือต้องใช้โชคช่วย(ดวง) แต่ถ้าเรามีการทำงานหรือมีกระบวนการทำงาน(PROCESS)ที่ดี ...แม้ว่าผลลัพธ์วันนี้ยังไม่ดี จะขอให้เชื่อมั่น และมั่นใจ ในประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานที่ดี และมีคุณภาพ ว่าสักวันหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ดีจะต้องตามมา อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่หากบางท่านมีกระบวนการที่ไม่ดี แต่ดันโชคช่วยมีผลงานที่ดี ก็อย่าได้เบาใจ จะขอให้ จงระมัดระวัง ว่าผลลัพธ์หรือลูกค้าที่ดีนั้น จะอยู่กับท่านได้ไม่นาน หรืออาจจะไม่มีอีกต่อไปก็เป็นได้ เพราะว่าดวงที่ดี จะไม่มาช่วยท่านอยู่บ่อยๆหรอก สรุปคือ ... "กระบวนการดี ผลลัพธ์ดีแน่ กระบวนการไม่ดี ผลลัพธ์ไม่แน่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ อย่าบ้าผลลัพธ์มากจนเกินไป สิ่งสำคัญคือการพัฒนาการทำงาน ไม่ใช่ทำทุกทางเพื่อความสำเร็จ สำเร็จแล้วมิใช่เอาแต่ทำบุญหวังโชค หากต้องพัฒนาตนให้ก้าวต่อไปด้วย จึงจะมั่นคง" ปล.ต่อยอดความคิดจ

My Hero

ผมเคยได้ดูภาพยนต์ที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งชื่อว่า Batman-The Dark Knight และได้สรุปความลักษณะของฮีโร่คนนี้ได้ว่าเป็นบุคคลประเภท ปิดทองหลังพระ (ตามพระราชดำรัสของในหลวงที่เคารพยิ่งของเรา ที่หวังให้คนไทยเป็นคนดีให้ได้เช่นนี้บ้าง)กล่าวคือ เป็นผู้ซึ่งมีความต้องการช่วยเหลือผู้คนและขจัดความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆรวมทั้งชื่อเสียงและความมีหน้ามีตาในสังคม อีกทั้งยังได้ลงทุนลงแรงมากมายเพื่อให้สำเร็จตามประสงค์ของตนที่อยากได้สังคมที่ดีขึ้นกว่าที่เป็น ในชีวิตจริงนั้นคงเป็นไปได้ยากที่ในสังคมหนึ่งๆ หรือแม้แต่โลกทั้งใบกลมๆนี้จะมีคนเฉกเช่น Batman เพราะการทำดีในสังคมที่มีแต่อวิชชาหรือความโลภเป็นที่ตั้งนั้น กลับเป็นเรื่องยากที่ผู้ต้องการทำความดีที่อาจต้องมีการเสียสละเกิดขึ้น ซึ่งการเสียสละนี้จะเป็นต้นทุนหรือสิ่งที่เป็นผลเสียต่อคนที่ตั้งใจทำความดีนั้นให้ล้มเลิกความคิดไป หากแต่สิ่งที่เราได้ยินได้ฟังจากสื่อต่างๆนั้นการทำความดีต่างๆที่พบเจอ 90%หรือมากกว่านั้นเสียอีก คนที่ทำดีผู้นั้นเขาทราบดีว่าเขาจะได้ออกสื่อหรือแม้แต่เป็นผู้เชิญชวนสื่อให้มาทำข่าวในเรื่องที่เขาทำความดีด้วยตัวเอง ซึ่งพบ