DOW ลากมาซะ 12,000 กว่าจุดพึ่งจะมาบอกว่าเป็นกังวลว่าเศรษฐกิจ US อาจจะฟื้นตัวได้ลำบาก ...ผมใช้คำว่า"ลากมา"เหมือนกับจะบอกว่าก่อนหน้าที่DOWขึ้นมา มันขึ้นมาไม่จริง? ถ้าได้ติดตามกันมาตลอดก็จะจำได้ว่าผมไม่เคยเชื่อถือตัวเลขพื้นฐานเศรษฐกิจสหรัฐ
เศรษฐกิจสหรัฐจากช่วงปลายปีที่แล้วอาศัยมาตรการ QE2ในการพยุงเศรษฐกิจให้เอาตัวรอดจากปัญหาโรควิกฤตSub primeเรื้อรัง ในขณะที่มีความจำเป็นอย่างมากในการพิมพ์เงินออกมาช่วยเหลือ(BailOut)ผลที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือเงินเฟ้อ ข้าวของแพงขึ้น ค่าครองชีพแพงขึ้นทุกวันๆ แต่แล้วในที่สุดมาถึงวันนี้อัตราการว่างงานใน US ก็ไม่ได้ดูดีขึ้นแต่อย่างใดทั้งๆที่DOW rallyขึ้นซะขนาดนี้ มองเข้าไปดีๆแล้วผู้คนจะยิ่งแย่กว่าเก่าด้วยซ้ำ เพราะผลกรรมที่ผู้คนทั่วไปในUSต้องทนแบกรับคือ 1.จนลงเพราะค่าเงิน$อ่อนลงยวบยาบ ชนชั้นล่างประเภท Backpackerคงมาเที่ยวเมืองไทยเป็นเดือนๆไม่ได้เหมือนแต่ก่อน (กลับกันคนนอกUSรวยขึ้น โรงแรม,สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆUSต้อนรับนักท่องเที่ยวจากเอเซียมากขึ้น) 2.ข้าวของแพงขึ้น ค่าครองชีพแพงขึ้นจากเงินเฟ้อ 3.การว่างงานสูงขึ้นจึงต้องแก่งแย่งในการเอาตัวรอดในการหางานและรักษางานที่ตัวเองทำให้มากขึ้น และที่สืบเนื่องจากเหตุผลเงินเฟ้อคนอเมริกาจำต้องยอมจ่ายค่าการศึกษาแพงขึ้นเพื่อที่จะได้หางานที่ต้องการทักษะอาชีพที่สูงขึ้น เพราะงานทักษะขั้นต่ำมีการแย่งชิงกันมากเกินไป
มาจนถึงวันนี้ทุกคนคงกระจ่างมากขึ้นว่าอเมริการับผลจากความโลภที่ตัวเองได้ก่อไว้ก่อนเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์มากแค่ไหน จนกรทั่งต้องทำร้ายสกุลเงินของตัวเองด้วย QE1 > QE2 และในขณะนี้เริ่มมีการพูดถึง QE3กันแล้ว
ตอนนี้ถ้าจะถามว่าตอนนี้เศรษฐกิจ US เป็น Stagflationหรือเปล่า ? ผมว่าไม่! เพราะเศรษฐกิจไม่ได้ซึมเซามองที่DOWสิครับคึกคักจะตาย(เก็งกำไร) ทุกวันนี้พวกเราเจอภาพลวงตากันมากขึ้นทุกวันๆจะตีความอะไรสักอย่างเป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ แต่ที่พอจะบอกได้ชัดคือตอนนี้ US ว่างงานมากและเงินเฟ้อสูง พี่ใหญ่USได้เจอปัญหาที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก เพราะไม่อาจแก้ปัญหาการว่างงานกับเงินเฟ้อไปพร้อมๆกันได้ ว่ากันว่าเป็นของแสลงกัน (อาจารย์ Phillipบอกมา: Phillip curve) การจะแก้ปัญหาว่างงานด้วยการลดดอกเบี้ยก็จะไปกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ครั้นจะไปแก้ปัญหาเงินเฟ้อด้วยการขึ้นดอกเบี้ยก็จะทำให้ว่างงานมากขึ้น
มาถึงตรงนี้แล้วจะทำยังไง ? จะเลือกปฏิบัติเช่นไร หากให้ผมเดาใจนักการเมืองUS ผมว่าง่ายมากๆคือ ไม่ขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน เพราะยังไงๆสิ่งที่นักการเมืองอยากได้มากที่สุดคือ Vote แต่จะให้ไปลดอัตราดอกเบี้ยก็คงไม่ไหวเพราะเข้าใจว่าติดกับดัสภาพคล่อง(liquidity trap)ซะแล้ว ถ้าเลือกได้จริงๆละก็ ผมว่าเค้าอยากลดดอกเบี้ยครับ เพราะจริงๆแล้วคนมีการศึกษาในUSไม่ได้สูงและจำนวนมากเท่าไร เงินจะเฟ้อมากแค่ไหรคนคงไม่สนเท่ากับการไม่มีงานทำมากกว่า.... แต่ในเมื่อมันทำไม่ได้ทั้งสองทาง วิธีทำคือ คิดนอกกรอบ โดยอาจจะจำยอมทำ QE3อีกสักครั้ง
เขียนเยอะเลย แค่อยากบอกว่าอย่ากลัวถ้าจะซื้อทองราคาแพง เพราะมันคุ้มที่จะลุ้น ถ้ามันลงมาก็แค่ซื้อเพิ่มแค่นั้นเอง คิดมากทำไม -_-" (เขียนมาตั้งเยอะสรุปง่ายไปมั้ยเนี่ย ฮ่าๆ ^^)
จริงๆอยากเขียนมากกว่านี้ แต่เหนื่อยกับSETจัง ต้องแสดงความดีใจกับคนกล้าCut lossไว้ ณ ที่นี้ด้วย เนื่องจากSETไม่ทำTripple bottomแล้วกลับตัวขึ้นที่ 1050 หลุดแล้วหลุดเลยมองกลับขึ้นไป โอ 1050 ไก๊ล ไกล...หลักการลงทุนง่ายๆอันเป็นคำพูดของมหาเซียนคุณลุงโฉลกเคยกล่าวไว้ว่า "อะไรขึ้น-ขึ้นต่อ(จนกว่ามันจะลง) / อะไรลง-ลงต่อ(จนกว่ามันจะขึ้น)"ครับผม
แถมข้อมูลให้อีกนิด:
ราคาทองขึ้นไม่เคยหยุด ทองคำ Breakเหนือ 1400ด้วยมาตรการQE2ในช่วงพ.ย.2010 หลังจากนั้นก็ทำNew highเรื่อยๆ จากแรงส่งของ USD indexที่ทำ New Lowเรื่อยๆเช่นกัน ในเมื่อ USD indexขยันทำNew low ทองก็จะขยันทำNew Highเช่นกัน
ความคิดเห็น