ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภาวะทองคำ 15-6-54



สำหรับทองคำ เมื่อวานผมไม่ได้ call และ E-mailเข้าไป เนื่องจากคิดไม่ตก  ประเด็นคือ
1.จีนกันเพิ่มสำรองธนาคารแทนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจอย่างที่ได้คาดการณ์ไว้
2.เรื่องปัญหาหนี้สินในEUและเศรษฐกิจUSยังต้องจับตามอง
3 การซื้อ-ขายของ Dominant player สามารถทำให้ราคาหลุดแนวรับสำคัญได้ แม้ประเด็นในการขายอาจไม่หนักแน่นเท่ากับการแกว่งตัวของราคาที่รุนแรง

ผมเรียบเรียงความคิดได้ว่าสำหรับจีนที่เพิ่มสำรองธนาคารแทนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นถือเป็นการรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจได้เหมือนกัน กล่าวคือแทนที่จะดึงเม็ดเงินในเศรษฐกิจ(Money Supply)กลับเข้ามาในระบบด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย  จีนเลือกที่จะกันสำรองธนาคารซึ่งจะทำให้การปล่อยสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจน้อยลง การที่จีนเลือกแบบนี้น่าจะส่งผลบวกกับราคาทองคำเพราะการขึ้นดอกเบี้ยมีผลทำให้ผู้คนขาย Risky asset (สินทรัพย์เสี่ยง)เพื่อไปซื้อRisk-free asset (สินทรัพย์ปลอดความเสี่ยง)ในที่นี้ว่ากันง่ายๆคือ พันธบัตรรัฐบาล จากการประเมิณในลักษณะนี้ผมว่าทองคำน่าจะขึ้น แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าตรรกะแบบนี้จะถูกต้องในสถาณการณ์แบบนี้หรือไม่ พ่วงด้วยเหตุผลจากข้อ2.และ3แล้ว ผมว่าวิเคราะห์ออกมาได้ยาก และอาจจะใส่biasได้เยอะมาก ผมก็เลยพูดน้อย action น้อยไปหน่อยครับ ^^

อย่างไรก็ดีในทางเทคนิค หลุด 1530 ลงมาซึ่งเป็นจุดที่การลงทุนระยะเดือนไม่น่าหลุดแต่ในภาพระยะยาวยังได้อยู่ ถ้ารอบนี้ ซึ่งผมเคยให้ fundamentalแบบค่อนข้างมั่นใจว่า break alltime-highแน่ๆแล้ว ความจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น แถมราคาในภาพใหญ่เกือบๆจะเสียทรงจาก Up-trend เป็น Side-way  ถ้าถามว่าควรทำยังไง ก็ตอบเหมือนเดิมคือไม่ต้องคิดมากนักในเมื่อภาพใหญ่ยังคงเป็นขาขึ้นอยู่สะสม long ตามระดับความเสี่ยงของราคาในช่วงนั้น และความเสี่ยงที่portfolioคุณรับได้ แต่ถ้าหากเปลี่ยนเป็น Side-way เดี๋ยวว่ากันอีกรอบครับ

เพิ่มเติม ช่วง1-2ปีนี้เล่นตามSPDRไม่ค่อยดีนะ น่าจะเจ๊งมากกว่า ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ กรีซ-โปรตุเกสและ QE ครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Mar...

ภาวะหุ้นและทอง 2-7-10

ทอง : รายงานการใช้สิทธิเคลมการว่างงานในสหรัฐพุ่งสูงขึ้นเป็นทวีคูณ จาก 13000 เป็น 472000 ทำให้เงิน $ อ่อนยวบ และตามปัจจัยพื้นฐานนี้ อันที่จริงเท่าที่คำนวณน่าจะทำให้ทองคำบวกขึ้นไปประมาณ + 20 $ ได้ครับ แต่เหตุการณ์ที่เป็นบวกเช่นนี้กลับถูกแรงขายอย่างหนัก นำโดย SPDR แต่ก็ขายเพียงแค่ 1.22 ตันเท่านั้น ผสมโรง Follow by กองทุนทองคำต่างๆก็ขายออกมาตามกันทำให้ทองคำร่วงไปถึง 1195 ถือว่ารุนแรงมาก เมื่อเทียบ จาก ปริมาณขายที่ดูไม่ค่อยจะมากเท่าไรนัก ผมตื่นเช้ามาโดยหวังว่าน่าจะ Rebound กลับไปที่ 1215 ได้สบายๆแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ขณะที่เขียนเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1202 เท่านั้น ปัจจัยทางเทคนิคที่เราเคยใช้เจ้า SMA 21 วันทำกำไรมา 3-4 รอบนั้นเป็นอันต้องลืมไปก่อนแล้วมาหาจุดสังเกตุกันใหม่ ตอนนี้น่าจะดูที่แนวรับ EMA (E=exponential) 75 วัน ซึ่งให้แนวรับที่ 1194 อันเป็นจุดที่ราคาลงมาทดสอบครั้งนึงแล้วไม่หลุดนั่นเองครับ รายงาน จาก สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าคนจะนำเงิน จาก การขายทองเพื่อไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลเนื่อง จาก ความผันผวนทางเศรษฐกิจ .... อ้าว....ตกลงทองไม่ใช่ Save Haven แล้วหรือ ก็ว่า...

Carbon credit ,ไม่ใช่เรื่องใหม่ มาอ่าน เข้าใจกันง่ายๆดีกว่า

"ผลกำไรของเอกชน เป็นของเอกชนเจ้านั้นๆ แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นั่นเป็นของสังคมโดยรวม" การทำธุรกิจเพื่อหวังผลกำไร แต่การดำเนินงานนั้นอาจจะส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมเป็นผลลบสู่สังคม หรือทำให้สังคมขาดทุน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการผลิต  เช่น การผลิตรถยนต์นั้น ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการปล่อย Co2 ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้ จนทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก หรือเรียกว่า greenhouse effect  ....นี่เป็นต้นทุนทางสังคม Benefit-cost เราเรียกการทำให้สังคมเสียหายนี้ว่า Negative externalities แปลเป็นไทยแบบภาษาพูดง่ายๆ ก็คือ การประกอบธุรกิจเพื่อหวังผลกำไรของเอกชน(หรืออุตสาหกรรมต่างๆ) กำไรเป็นของเอกชน ซึ่งเป็นเรื่องภายในของคุณ แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของสังคมนั้นเสียหาย ซึ่งก่อผลกระทบสู่ภายนอก ในปี 2005 ภายหลังที่ บิล คลินตัน ออกมารณรงค์เรื่องโลกเขียว (รักษาสิ่งแวดล้อม) สถิติจากWorld Resources  ระบุว่า สหรัฐฯพี่ใหญ่เป็นคนปล่อยCo2สูงสุดปีละ 5.7 พันล้านตัน อันดับ 2 คือจีน 3.4 พันล้านตัน อันดับ 3 คือ รัสเซีย 1.5 พันล้านตัน ญี่ปุ่น 1.2 พันล้านตัน อังกฤษ 558 ล้านตัน ส่วนไทย 172 ล้านตัน...