ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภาวะหุ้น SET ค่ำ 27-4-2554

ช่วง1-2สัปดาห์นี้สภาวะ SET ปัจจัยที่น่าให้น้ำหนักมากที่สุด ก็คือการซื้อขายของผู้เล่นรายใหญ่ (Dominant player)ดังจะเห็นได้ว่าSETวิ่งบวกมาตลอดทางจากแรงซื้อฝรั่งซึ่งสอดคล้องกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และสวนทางกับแรงขายกับฝั่งสถาบันในประเทศรวมถึงสงครามชายแดนไทย-เขมร

SET ขึ้นมาแรงก็ต้องบอกได้ว่ามันก็พร้อมที่จะลงแรงพอๆกับความชันที่มันวิ่งขึ้นมานั่นละ แต่ถึงจะอย่างนั้นเมื่อถึงราคาปิดตลาดSETจะยืนทรงตัวในTrendขาขึ้น ณ.ระดับราคาสำคัญๆทุกครั้งไป ไม่รู้ว่าที่มันเป็นแบบนี้มันเป็นไปโดยแรงซื้อแรงขายโดยธรรมชาติที่ควรจะเป็น หรือฝรั่งเข้าใจเกมในจังหวะขาขึ้นจึงพยายามทำราคาให้ SETยังดูน่าสนใจในรูปแบบ Trendขาขึ้นอย่างสวยงามแบบนี้ทุกครั้งไปหรือไม่?  ส่วนกองทุนนั้นขายหุ้นไปแล้วก็เล่นขาลงแบบเต็มอัตราศึก กล่าวคือ ขายหุ้น / Short Future / Short Call option และ Long Put option เรียกได้ว่าการActionในลักษณะนี้ มุมมองของกองทุนคือมั่นใจว่าต้องลงแน่ๆ หรือจะเอาลงให้จงได้ กล่าวอย่างเข้าใจง่ายๆก็คือ เล่นแบบจะเอาSETลงให้ได้แบบเต็มตีนอะครับ^^  ในฝั่งของฝรั่งเล่นแบบแบ่งรับแบ่งสู้มากกว่าคือ ซื้อหุ้น / Short Future การเล่นลักษณะนี้ถือเป็นการเก็งกำไรตัวหุ้น แต่ลดความเสี่ยงตลาดหากปรับตัวลง หรือ Hedging Portfolioก็ได้ เข้าใจว่า Hedge แค่บางส่วนไม่ได้ทำเป็น Full hedge

แล้วพวกเราทำยังไง คำตอบคือ เราเลือกอยู่ฝั่งผู้ชนะ ซึ่งคุณก็รู้ว่าคือ ฝรั่ง แต่เราจะไม่เสี่ยงกับเค้าเต็มตัวเนื่องจาก SETค่อนข้างสูง ส่วนกองทุนปีที่แล้ว(บางกอง) SETบวกแรงๆตลอดปีแต่คุณทำ  port ติดลบไม่เข็ดหรือครับ ^^

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Margina

กระบวนการ(process) สำคัญกว่า ผลลัพธ์(output)

ฝากถึงน้องๆที่เรียนหรือทำงานสายการตลาด หรืองานใดที่มีเป้าหมาย(goal)เป็นสำคัญ รวมถึงท่านผู้บริหาร.... อย่าได้ไปสนใจผลลัพธ์[output] เป้าหมายหรือคะแนนที่ได้ มากจนเกินไป หลายครั้งที่ผลลัพธ์นั้นเป็นปัจจัยที่เราไม่อาจควบคุมได้ หรือต้องใช้โชคช่วย(ดวง) แต่ถ้าเรามีการทำงานหรือมีกระบวนการทำงาน(PROCESS)ที่ดี ...แม้ว่าผลลัพธ์วันนี้ยังไม่ดี จะขอให้เชื่อมั่น และมั่นใจ ในประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานที่ดี และมีคุณภาพ ว่าสักวันหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ดีจะต้องตามมา อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่หากบางท่านมีกระบวนการที่ไม่ดี แต่ดันโชคช่วยมีผลงานที่ดี ก็อย่าได้เบาใจ จะขอให้ จงระมัดระวัง ว่าผลลัพธ์หรือลูกค้าที่ดีนั้น จะอยู่กับท่านได้ไม่นาน หรืออาจจะไม่มีอีกต่อไปก็เป็นได้ เพราะว่าดวงที่ดี จะไม่มาช่วยท่านอยู่บ่อยๆหรอก สรุปคือ ... "กระบวนการดี ผลลัพธ์ดีแน่ กระบวนการไม่ดี ผลลัพธ์ไม่แน่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ อย่าบ้าผลลัพธ์มากจนเกินไป สิ่งสำคัญคือการพัฒนาการทำงาน ไม่ใช่ทำทุกทางเพื่อความสำเร็จ สำเร็จแล้วมิใช่เอาแต่ทำบุญหวังโชค หากต้องพัฒนาตนให้ก้าวต่อไปด้วย จึงจะมั่นคง" ปล.ต่อยอดความคิดจ

Ben Bernanke : พี่เหม่ง

Ben Bernanke เป็นบุคคลที่ผมชอบเขียนล้อเลียนขำขำ โดยเรียกว่า"พี่เหม่ง" ... เบนันเก้เป็นประธานFedที่รับไม้ต่อจากนายอลัน กรีนสแปน ซึ่งดำรงตำแหน่งเกือบ 20ปี บุคคลที่นักธุรกิจชาวUsกล่าวยกย่องถึงขนาดที่ว่าเป็นเทวดามาโปรด เพราะสามารถทำให้เศรษฐกิจus เติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด อย่างไรก็ดีไม่มีอะไรจะฝืนธรรมชาติได้ การโตอย่างต่อเนื่องมันต้องมีจุดย่อตัวบ้าง แต่ในขณะนั้นเศรษฐกิจus เติบโต เติบโต เติบโต จากมาตรการของนายกรีนสแปน ที่สำคัญก็คือการลดอัตราดอกเบี้ย เมื่อโตอย่างไม่หยุดพัก ก็เหมือนฟองสบู่ลอยล่องรอวันแตก จนกระทั่งพี่เหม่งของผมเข้ามารับช่วงต่อ ฟองสบู่ก็แตกโพล๊ะ พอดิบพอดี -_-" พี่เหม่งของผมก็เลยรับความซวยนี้ไปเต็มๆ ...อย่างไรก็ดีไม้เด็ดของเฮียอย่างQe ถือเป็นการคิดนอกกรอบเพื่อการแก้วิกฤติแบบนึกไม่ถึงเลยทีเดียว จึงทำให้ในปัจจุบันUs สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตนั้นมาได้ด้วยเงินร้อนๆจากQe 2557ม.ค. ,เฮียกำลังจะหมดวาระ โดยมีแคนดิเดตเช่น ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส  และ เจเน็ต เยลเลน ที่จะเข้ามารับช่วงต่อ ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อชื่นชมเฮียแกจริงๆครับ คงคิดถึงไม่น้อยเลยอะ ..... T-