ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภาวะหุ้นและทอง 26-8-10




ทองคำ : ราคาทองคำดีดกลับขึ้นมาจาก Best Buy 1160 จนมาเกือบปิด Gap ที่ 1243 ซึ่งเป็นจุดที่Dumpราคาทองคำลงมาเพื่อไปโยกเงินออกไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้น จากการทำ Stress test ธนาคารทางฝั่งยุโรปออกมาดูดีส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจมากขึ้น ถ้าจะให้ตีความจากราคาทองคำที่กลับขึ้นมาได้ก็คือ จากความเชื่อมั่นในการทำ Stress test นั้นนักลงทุนก็ยังคงไม่เชื่อมั่นในสภาพเศรษฐกิจต่อไป เพราะหลังจากการทำ Stress test แล้ว ข้อมูลทางเศรษฐกิจต่างๆทั่วโลกก็ออกมาไม่ค่อยจะดูดี โดยเฉพาะใน USA ถึงแม้ข้อมูลทางเศรษฐกิจไม่ดีแต่ตลาดหุ้นก็ยังคงขึ้นต่อได้...เงินจากกองทุนทางฝั่งยุโรปจึงยังคงไหลมาที่ทองคำ และประเทศทางฝั่ง SouthEast-Asia หนึ่งในนั้นมีประเทศไทยด้วย จึงส่งผลให้ ราคาบาท(BAHT)ไทยแข็งขึ้นมาก ส่งผลต่อเนื่องมาที่ราคาทองไทยจึงถูกลงอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเปรียบเทียบกับ SPOT ทองก่อนหน้าที่เราเคยซื้อๆกันเมื่อเดือน-2เดือนที่แล้ว


จากเหตุผลข้างต้นราคาทองคำกลับมาเป็นขาขึ้นสำหรับคนที่ยังไม่มี position น่าเข้ามา Long GF ได้ไม่น่าห่วงมาก แนวรับแบบเต็มที่ที่ระดับ 1220 และ 1208 หากลงมาจริงก็ซื้อเพิ่มได้ แต่ประเมิณทิศทางน่าจะซิกแซกขึ้น(Zig Zag)มากกว่า ดังนั้นจะรอให้ Break Gap 1243-1250ขึ้นมาค่อย Follow Buy ก็ดีครับ..................


ส่วนคนที่มีPosition และใกล้หมดอายุในเดือนสิงหาคม GFQ10 ก็คือวันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม เวลา 16.30 น.(ก่อนตลาด Future ปิด เพราะเป็น Final settlement date ของ series) แล้วยังติดอยู่เนื่องจากต้นทุนสูงเพราะราคาทองที่ถูก Dumpลงมาจากระดับ 1243 และเงินบาทที่แข็งค่า น่าจะพิจารณา ปิดPosition ก่อนวันที่ 30 สิงหาคม โดยอาจเป็นวันนี้หรือวันศุกร์ในสัปดาห์นี้ เพราะตอนนี้ GF แพงกว่าราคาทองคำ Spot อยู่ครับ แต่มันจะไม่เป็นเช่นนั้นในวัน Final settlement date เนื่องจากสภาพตลาดระหว่าง Gold Future และ Gold Spot เป็นแบบ Contango (Future > Spot) กล่าวคือ ราคาของ GF จะมี ราคาที่แพงกว่าหรือเรียกว่ามี Premium จากทองคำ Spot เพราะราคาFuture เป็นราคาที่คาดการณ์อนาคตตาม Series(ระยะเวลา)ที่เราถือครอง เมื่อคนคาดการณ์ว่าทองคำมันมีแนวโน้มจะขึ้น การเข้ามา เปิด Position GF จึงต้องซื้อ(ขาย)แพงกว่า Gold Spot ( ค่าPremium นั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาคงเหลือของ Series หรือ Time Value ) แต่เมื่อถึงวันสุดท้ายหรือ Final Settelment date ก็จะไม่มีการคาดการณ์ในราคาทองคำต่อไป ดังนั้นในวัน Final Settelment date ราคา Gold Future จะเท่ากับ Gold Spot : GF = Gold Spot ........ดังนั้นจึงควรปิดสถานะ Long ก่อนวันสุดท้ายแล้วกลับเข้ามา เปิดสถาณะ long ต่อใน Siries Z : GFZ10 เพื่อ Hold Position ต่อไปหรืออาจเรียกว่า Roll over ก็ได้ หากคำนวณตามราคาตลาดแล้วได้ สามารถเปิดจำนวน Positionที่เท่ากันก็จะเท่ากับไม่ขาดทุนใน GF นับว่าเป็นประโยชน์มากเพราะประเมิณภาพใหญ่ทองคำยังดูเป็นขึ้นเนื่องจากความไม่เชื่อมั่นในสภาพเศรษฐกิจนั่นเอง แต่ที่แย่สำหรับทองไทยตอนนี้เพราะค่าเงินบาทแข็งค่ามากๆจริงๆครับ (ว่าจะให้จังหวะ Short GF ในหลายๆวันตามที่ได้เรียนไว้ เพื่อปรับต้นทุนแต่ก็ไม่ทำ เพราะหลังจากช่วง Best Buy Hold Long Position เห็นผลดีกว่า แล้วก็ประหยัดค่าคอมด้วยครับ)



SET : เป็นภาวะตลาดสำหรับเก็งกำไรจริงๆ ประเด็นเยอะมากๆ ผมไม่ค่อยมีเวลาเท่าไร งั้นจะบอกสั้นๆนะครับ


- ช่วงนี้รอดูไปก่อนก็ได้ หากตลาด take profit แรงไปรอรับแถวๆ 860 ครั้งนึง และอีกครั้งที่ 840 อย่างที่เคยเรียนไว้แต่แรก

- หาก Break 900 แบบยืนได้ Volumeหนุนในกลุ่มพลังงานหรือธนาคารก็น่าซื้อตามครับ

- ไม่ซื้อตามหุ้นที่กำลังจะออกจาก Cash balance เพราะมีโอกาสติดดอยสูงมาก

- ทยอยรับสะสม กลุ่มอาหาร - Defensive Stock ,กลุ่มพลังงาน, กลุ่มส่งออกชิ้นส่วนปลายปีน่าจะดีเพราะจะมี Demand ในช่วงHigh season

- หุ้นมีข่าวตอนนี้ทุกตัวแพงมาก

- ปล.ผมจะไม่ให้หุ้นรายตัวทางBlog รบกวนให้อ่านจากบทวิเคราะห์ หรือโทรมาปรึกษากันนะครับผม

ปล.บทความภาวะตลาดหุ้นและทอง จัดทำและส่งทางE-mailเป็นประจำทุกเช้า และจะเผยแพร่ทางBlogอย่างเร็วหลังปิดตลาดภาคเช้า









ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Margina

กระบวนการ(process) สำคัญกว่า ผลลัพธ์(output)

ฝากถึงน้องๆที่เรียนหรือทำงานสายการตลาด หรืองานใดที่มีเป้าหมาย(goal)เป็นสำคัญ รวมถึงท่านผู้บริหาร.... อย่าได้ไปสนใจผลลัพธ์[output] เป้าหมายหรือคะแนนที่ได้ มากจนเกินไป หลายครั้งที่ผลลัพธ์นั้นเป็นปัจจัยที่เราไม่อาจควบคุมได้ หรือต้องใช้โชคช่วย(ดวง) แต่ถ้าเรามีการทำงานหรือมีกระบวนการทำงาน(PROCESS)ที่ดี ...แม้ว่าผลลัพธ์วันนี้ยังไม่ดี จะขอให้เชื่อมั่น และมั่นใจ ในประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานที่ดี และมีคุณภาพ ว่าสักวันหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ดีจะต้องตามมา อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่หากบางท่านมีกระบวนการที่ไม่ดี แต่ดันโชคช่วยมีผลงานที่ดี ก็อย่าได้เบาใจ จะขอให้ จงระมัดระวัง ว่าผลลัพธ์หรือลูกค้าที่ดีนั้น จะอยู่กับท่านได้ไม่นาน หรืออาจจะไม่มีอีกต่อไปก็เป็นได้ เพราะว่าดวงที่ดี จะไม่มาช่วยท่านอยู่บ่อยๆหรอก สรุปคือ ... "กระบวนการดี ผลลัพธ์ดีแน่ กระบวนการไม่ดี ผลลัพธ์ไม่แน่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ อย่าบ้าผลลัพธ์มากจนเกินไป สิ่งสำคัญคือการพัฒนาการทำงาน ไม่ใช่ทำทุกทางเพื่อความสำเร็จ สำเร็จแล้วมิใช่เอาแต่ทำบุญหวังโชค หากต้องพัฒนาตนให้ก้าวต่อไปด้วย จึงจะมั่นคง" ปล.ต่อยอดความคิดจ

My Hero

ผมเคยได้ดูภาพยนต์ที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งชื่อว่า Batman-The Dark Knight และได้สรุปความลักษณะของฮีโร่คนนี้ได้ว่าเป็นบุคคลประเภท ปิดทองหลังพระ (ตามพระราชดำรัสของในหลวงที่เคารพยิ่งของเรา ที่หวังให้คนไทยเป็นคนดีให้ได้เช่นนี้บ้าง)กล่าวคือ เป็นผู้ซึ่งมีความต้องการช่วยเหลือผู้คนและขจัดความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆรวมทั้งชื่อเสียงและความมีหน้ามีตาในสังคม อีกทั้งยังได้ลงทุนลงแรงมากมายเพื่อให้สำเร็จตามประสงค์ของตนที่อยากได้สังคมที่ดีขึ้นกว่าที่เป็น ในชีวิตจริงนั้นคงเป็นไปได้ยากที่ในสังคมหนึ่งๆ หรือแม้แต่โลกทั้งใบกลมๆนี้จะมีคนเฉกเช่น Batman เพราะการทำดีในสังคมที่มีแต่อวิชชาหรือความโลภเป็นที่ตั้งนั้น กลับเป็นเรื่องยากที่ผู้ต้องการทำความดีที่อาจต้องมีการเสียสละเกิดขึ้น ซึ่งการเสียสละนี้จะเป็นต้นทุนหรือสิ่งที่เป็นผลเสียต่อคนที่ตั้งใจทำความดีนั้นให้ล้มเลิกความคิดไป หากแต่สิ่งที่เราได้ยินได้ฟังจากสื่อต่างๆนั้นการทำความดีต่างๆที่พบเจอ 90%หรือมากกว่านั้นเสียอีก คนที่ทำดีผู้นั้นเขาทราบดีว่าเขาจะได้ออกสื่อหรือแม้แต่เป็นผู้เชิญชวนสื่อให้มาทำข่าวในเรื่องที่เขาทำความดีด้วยตัวเอง ซึ่งพบ