ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภาวะหุ้นและทอง 11-08-10







SET : ผมได้แนะนำให้ท่านๆขายหมูไปตั้งแต่ ระดับ SET สูงกว่า 840ขึ้นไปโดยกำไรพอเพียงขนาดไหนเท่าไรก็ขึ้นอยู่ที่ท่านเป็นคนตัดสินใจ ....แต่ SET ก็วิ่งขึ้นต่อ High ที่ 878.63 ซึ่งในขณะนั้นเงินทุนต่างชาติเข้ามาจริง บทวิเคราะห์จากสำนักต่างๆแนะนำให้ท่านเห็นว่ามันจะขึ้นไปที่ 900 จุดได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตาม ผู้เล่น (Player)ในตลาดไม่ได้มีแค่ฝรั่ง ณ.ระดับที่เกินกว่า840นั้นเราได้ทยอยขายกันออกไปพร้อมๆกับกองทุนในประเทศก็ขายออกมาเช่นเดียวกันแถมยัง Short Set50Future เยอะด้วย คำถามก็คือกองทุนจะกลับเข้ามาซื้อที่ระดับ SET เท่าไรดี? ณ.ระดับSET ในอุดมคติ(Ideal)ที่ทุกคนคาดไว้(หรือที่เค้าทำให้ทุกคนคาดหมายไว้ก็ตามแต่) ยังไม่ถึง 900 จุด ทั้งๆที่ทุกคนก็รู้ว่าแพงมากในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้ แต่เมื่อเห็นSETขึ้นก็ต้องเอาด้วยซะหน่อย .....ดังนั้น Killing Zone ของผู้เล่นรายใหญ่จะอยู่ที่เท่าไร ก็คงจะอยู่แถวๆนั้นละครับ ไม่จำเป็นต้องถึงก็ได้แต่เอาเป็นว่าประมาณนั้นละ กล่าวคือเป็นจุดที่นักลงทุนในตลาดต่างเชื่อมั่นว่ามันจะขึ้นไปจริงๆ ก็เลยยอมชักชวนเตรียมขึ้นดอยกันเป็นหมู่คณะ แต่บรรดากองทุนในประเทศเค้าไม่เคยเชื่อด้วยนะว่าณ.ระดับ 855 ขึ้นไปจะเป็นจุดลงทุนของฝรั่งจริงๆ ...แล้วท่านเชื่อเหมือนกองทุนไหมละครับ? ถ้าท่านเป็นนักลงทุนที่สามารถลงทุนได้ทั่วโลก ท่านจะเชื่อมั่นกับประเทศที่มีภาวะทางการเมืองไม่นิ่งไหมครับ? ยังไงท่านไม่ต้องเป็นห่วงว่าผรั่งเค้าจะติดดอย เพราะเค้าซื้อทีไรหุ้นขึ้นใช่ไหมครับ > ซื้อหุ้นก็ Long S50Futureไว้ด้วยสิ เงินเข้ามาทีไรเงินบาทแข็งใช่ไหมครับ > กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วยสิ เค้ามีทางกำไรตั้งเยอะแยะถึงซื้อหุ้นไว้สูงPortfolio ที่ไม่ได้มีแค่หุ้นก็ยังสามารถทำกำไรได้อยู่ดี... กลยุทธ์ หากลงแรงนักลงทุนระยะยาวไม่ซื้อเฉลี่ย จุดซื้อ ต่ำกว่า 850 ลงไปน่าจะซื้อติดพอร์ทไว้สัก 30%








ทองคำ : trend ระยะสั้นออกมาดูดี แต่เพราะเงินนอกไหลเข้าทำให้เงินบาทแข็งโป๊ก ทองคำไทยเลยถูกลงค่อนข้างมาก ถ้าให้อธิบายแบบปัจจัยพื้นฐานก็คงพูดแบบเดิมๆว่า ผมไม่เคยไว้ใจUSA ท่ามกลางปัจจัยทางเศรษฐกิจทีไม่ค่อยดีนักทำไม DOW ถึงได้ขึ้นมาแรงต่อเนื่องหลายวัน FEDเองก็เข้ามาช่วยเรื่องความเชื่อมั่นในหลายๆมาตรการทั้งคงอัตราดอกเบี้ยและซื้อพันธบัตร(FEDซื้อพันธบัตรทำให้เงินไหลกลับเข้าไปในระบบมากขึ้น) ซึ่งจะไปลดทอนความน่าสนใจในการลงทุนทองคำลงไป ....มารอดูขยะใต้พรมของUSAกันต่อไปที่เราไม่มีทางจะรู้ แต่มันจะมาสะท้อนที่ราคาทองกันเถอะ....เรื่องทิศทาง กราฟราคาทองที่แนบมาวันนี้น่าจะอธิบายให้ท่านได้ดีกว่าที่ผมจะเขียนครับ

ปล.บทความภาวะตลาดหุ้นและทอง จัดทำและส่งทางE-mailเป็นประจำทุกเช้า และจะเผยแพร่ทางBlogอย่างเร็วหลังปิดตลาดภาคเช้า




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Margina

กระบวนการ(process) สำคัญกว่า ผลลัพธ์(output)

ฝากถึงน้องๆที่เรียนหรือทำงานสายการตลาด หรืองานใดที่มีเป้าหมาย(goal)เป็นสำคัญ รวมถึงท่านผู้บริหาร.... อย่าได้ไปสนใจผลลัพธ์[output] เป้าหมายหรือคะแนนที่ได้ มากจนเกินไป หลายครั้งที่ผลลัพธ์นั้นเป็นปัจจัยที่เราไม่อาจควบคุมได้ หรือต้องใช้โชคช่วย(ดวง) แต่ถ้าเรามีการทำงานหรือมีกระบวนการทำงาน(PROCESS)ที่ดี ...แม้ว่าผลลัพธ์วันนี้ยังไม่ดี จะขอให้เชื่อมั่น และมั่นใจ ในประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานที่ดี และมีคุณภาพ ว่าสักวันหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ดีจะต้องตามมา อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่หากบางท่านมีกระบวนการที่ไม่ดี แต่ดันโชคช่วยมีผลงานที่ดี ก็อย่าได้เบาใจ จะขอให้ จงระมัดระวัง ว่าผลลัพธ์หรือลูกค้าที่ดีนั้น จะอยู่กับท่านได้ไม่นาน หรืออาจจะไม่มีอีกต่อไปก็เป็นได้ เพราะว่าดวงที่ดี จะไม่มาช่วยท่านอยู่บ่อยๆหรอก สรุปคือ ... "กระบวนการดี ผลลัพธ์ดีแน่ กระบวนการไม่ดี ผลลัพธ์ไม่แน่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ อย่าบ้าผลลัพธ์มากจนเกินไป สิ่งสำคัญคือการพัฒนาการทำงาน ไม่ใช่ทำทุกทางเพื่อความสำเร็จ สำเร็จแล้วมิใช่เอาแต่ทำบุญหวังโชค หากต้องพัฒนาตนให้ก้าวต่อไปด้วย จึงจะมั่นคง" ปล.ต่อยอดความคิดจ

My Hero

ผมเคยได้ดูภาพยนต์ที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งชื่อว่า Batman-The Dark Knight และได้สรุปความลักษณะของฮีโร่คนนี้ได้ว่าเป็นบุคคลประเภท ปิดทองหลังพระ (ตามพระราชดำรัสของในหลวงที่เคารพยิ่งของเรา ที่หวังให้คนไทยเป็นคนดีให้ได้เช่นนี้บ้าง)กล่าวคือ เป็นผู้ซึ่งมีความต้องการช่วยเหลือผู้คนและขจัดความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆรวมทั้งชื่อเสียงและความมีหน้ามีตาในสังคม อีกทั้งยังได้ลงทุนลงแรงมากมายเพื่อให้สำเร็จตามประสงค์ของตนที่อยากได้สังคมที่ดีขึ้นกว่าที่เป็น ในชีวิตจริงนั้นคงเป็นไปได้ยากที่ในสังคมหนึ่งๆ หรือแม้แต่โลกทั้งใบกลมๆนี้จะมีคนเฉกเช่น Batman เพราะการทำดีในสังคมที่มีแต่อวิชชาหรือความโลภเป็นที่ตั้งนั้น กลับเป็นเรื่องยากที่ผู้ต้องการทำความดีที่อาจต้องมีการเสียสละเกิดขึ้น ซึ่งการเสียสละนี้จะเป็นต้นทุนหรือสิ่งที่เป็นผลเสียต่อคนที่ตั้งใจทำความดีนั้นให้ล้มเลิกความคิดไป หากแต่สิ่งที่เราได้ยินได้ฟังจากสื่อต่างๆนั้นการทำความดีต่างๆที่พบเจอ 90%หรือมากกว่านั้นเสียอีก คนที่ทำดีผู้นั้นเขาทราบดีว่าเขาจะได้ออกสื่อหรือแม้แต่เป็นผู้เชิญชวนสื่อให้มาทำข่าวในเรื่องที่เขาทำความดีด้วยตัวเอง ซึ่งพบ