ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภาวะหุ้นและทอง 21-7-10

ทอง : ทองคำก็ยังคงแกว่งในกรอบกว้างที่เราให้ไว้ที่ 1185-1217 มีหลุด1185ไปบ้างแต่ก็กลับขึ้นมา ประเด็นเศรษฐกิจที่เข้ามาส่งผลกระทบในราคาทองช่วงนี้มีหลากหลายปัจจัย นักวิเคราะห์เองก็ต่างใช้ข้อมูลเหล่านั้นมาอ้าง หลายสำนักวิจัยก็ใช้เหตุผลมาอ้างสวนทางกันแต่ก็มองว่าลง บางครั้งอ่านหลายบทวิจัยก็ไม่ค่อยเข้าใจนักเพราะตรรกสวนทางกัน ผมก็อธิบายเลยอธิบายให้ท่านฟังลำบากพอสมควร งั้นเอาสั้นๆว่า เค้า=ผู้เล่นรายใหญ่ จะเลิกทำ Short-Covering หรือยัง? แล้วจะกลับมาซื้อๆจนทำให้ราคาทองกลับขึ้นไปใน Trend ขาขึ้น ซึ่งจุดกลับก็ควรจะต้อง Break 1217 ขึ้นไป

เมื่อวาน SPDR ขาย6.08ตันแต่ราคาทองก็บวกขึ้นมาราวๆ 20 $ จากราคาประมาณ 1175 ขึ้นไปถึง 1195 ราคาที่แกว่งมากขนาดนี้เป็นการเก็งกำไรในทองคำชัดเจน เพราะก่อนหน้าที่ทองลงก็อ้างว่าเพราะเงินเฟ้อออกมาต่ำ แต่ถ้าลองไล่เหตุผลไปอีกสักนิดเมื่อเงินเฟ้อต่ำ แถมการจ้างงานยังต่ำอยู่ด้วย ก็ไม่ควรจะขึ้นดอกเบี้ย ดังนั้นพันธบัตร ก็ไม่น่าดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาซื้อ นักลงทุนก็จะมองไปที่หลักทรัพย์อื่นเช่น ทองคำ อย่างไรก็ดีด้วยเหตุของเงินเฟ้อ ก็จะส่งผลให้ราคาทองลดต่ำลงได้เพราะมีนักลงทุนส่วนหนึ่งมีมุมมองลงทุนในทองคำเพื่อปรับกับความเสี่ยงของเงินเฟ้อ (Hedging Inflation risk) เป็นไงบ้างครับไล่เหตุผลให้ฟัง ฟังแล้วปวดหัวไหม เอาเป็นว่าแรงซื้อ แรงขายช่วงนี้รุนแรงมากๆ ถ้าเค้าเลิกทำ Short-covering (อาจเป็นเหตุผลจากการไม่เชื่อมั่นในการฟื้นตัวเศรษฐกิจซึ่งตัวเลขขายบ้านก็ชี้นำมาละ) เราก็มาตื่นทองกันอีกสักรอบละกันครับ

Short-covering คือ เปิดด้วยการขายออกไปก่อนในราคาสูงๆเพราะเชื่อว่าจะลง แล้วรับซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่า คล้ายกับการทำ short against port

SET : ก่อนหน้าที่SET พึ่งจะ break 800 ขึ้นมาผมก็เรียนกับท่านว่า เดือนนี้จะเล่นกันที่กรอบ 820-840 แต่เหลือบไปที่กลุ่ม PTT ที่ไม่ขึ้นมาตามราคาน้ำมันดิบ ก็ทำให้ผมแอบหวังได้ว่าน่าจะbreak ขึ้นไปเล่นกันแถวๆ850 พอผ่าน840 แล้วก็จะให้ทยอยขายทำกำไร แต่แล้วกลุ่มพี่ PTT เล่นขึ้นมาได้แค่ วันครึ่ง ทำให้ SET สูงสุดที่ 836.82 แล้วก็ไล่ทิ้ง PTTAR CPF IVL SCC มองแล้วคล้ายกับ Panic sell แถมเจ้า PTTAR ก็อยู่ใน SBL list แบบฮิตๆเลย ก็ระวังกันให้ดี แต่ก็เก็งกำไรได้เพราะเดี๋ยวจะมีแรงซื้อคืนหลังที่เค้ายืมมาขายไปก่อน ช่วงนี้ตลาดการเงินทั่วโลกเก็งกำไรกันมากมาย คิดดูสิครับที่ DOW เค้าประกาศผลประกอบการออกมาไม่ดี ทำให้ตลาดเปิดร่วงลงหนักแต่แล้วก็ไล่ซื้อกลับมาจนเขียวได้ ดังนั้นท่านจึงไม่ต้องประหลาดใจกับ SET บ้านเรานัก ..อาการมันคล้ายกัน คือเก็งกำไรเล่นรอบสั้นๆกันหมดครับ

ปล.บทความภาวะตลาดหุ้นและทอง จัดทำและส่งทางE-mailเป็นประจำทุกเช้า และจะเผยแพร่ทางBlogอย่างเร็วหลังปิดตลาดภาคเช้า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Margina

กระบวนการ(process) สำคัญกว่า ผลลัพธ์(output)

ฝากถึงน้องๆที่เรียนหรือทำงานสายการตลาด หรืองานใดที่มีเป้าหมาย(goal)เป็นสำคัญ รวมถึงท่านผู้บริหาร.... อย่าได้ไปสนใจผลลัพธ์[output] เป้าหมายหรือคะแนนที่ได้ มากจนเกินไป หลายครั้งที่ผลลัพธ์นั้นเป็นปัจจัยที่เราไม่อาจควบคุมได้ หรือต้องใช้โชคช่วย(ดวง) แต่ถ้าเรามีการทำงานหรือมีกระบวนการทำงาน(PROCESS)ที่ดี ...แม้ว่าผลลัพธ์วันนี้ยังไม่ดี จะขอให้เชื่อมั่น และมั่นใจ ในประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานที่ดี และมีคุณภาพ ว่าสักวันหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ดีจะต้องตามมา อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่หากบางท่านมีกระบวนการที่ไม่ดี แต่ดันโชคช่วยมีผลงานที่ดี ก็อย่าได้เบาใจ จะขอให้ จงระมัดระวัง ว่าผลลัพธ์หรือลูกค้าที่ดีนั้น จะอยู่กับท่านได้ไม่นาน หรืออาจจะไม่มีอีกต่อไปก็เป็นได้ เพราะว่าดวงที่ดี จะไม่มาช่วยท่านอยู่บ่อยๆหรอก สรุปคือ ... "กระบวนการดี ผลลัพธ์ดีแน่ กระบวนการไม่ดี ผลลัพธ์ไม่แน่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ อย่าบ้าผลลัพธ์มากจนเกินไป สิ่งสำคัญคือการพัฒนาการทำงาน ไม่ใช่ทำทุกทางเพื่อความสำเร็จ สำเร็จแล้วมิใช่เอาแต่ทำบุญหวังโชค หากต้องพัฒนาตนให้ก้าวต่อไปด้วย จึงจะมั่นคง" ปล.ต่อยอดความคิดจ

SET : เกมผลประโยชน์ SET - TFEX

ระยะหลังๆตลาดแลดูเหมือนว่า TFEX จะเป็นตลาดหลักสาหรับนักลงทุนโดยเฉพาะรายใหญ่ มากกว่า SET ซึ่งเป็นตลาด Spot ซะแล้ว .... ตามหลักการและทฤษฎีการลงทุน Future จะเคลื่อนไหวตามสินทรัพย์อ้างอิงซึ่งเรียกว่า Spot ในที่นี้ก็คือหุ้นในตลาด SET ซึ่งจริงๆแล้วมันก็ควรจะเป็นไปตามนั้น ... แต่ ... ความเป็นจริงสาหรับการลงทุนในตลาดบ้านเราคล้ายกับว่า SET วิ่งตาม TFEX มากกว่า ... เหตุผลที่ผมต้องเรียนเช่นนั้น ก็คือ 1)Future ในตลาด TFEX มีอัตรา Leverage ( อัตราทด ) ของเงินลงทุนมากกว่า 10 เท่า จึงทาให้อานาจของเงินลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลและแน่นอน กาไร / ขาดทุนก็มีอัตราทดตามนั้นด้วยเช่นกัน 2)Long หรือ Short ได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะฝั่งขายไม่ต้องผ่านธุรกรรม SBL ( ยืมหุ้น ) ให้ยุ่งยากเสียเวลา และ 3) สาคัญมาก .... วันไหนที่ผู้เล่นรายใหญ่เก็งทิศทาง FUTURE สวนทางกับปัจจัยพื้นฐานหรือภาวะตลาดโลก ตลาด SPOT ก็จะไม่วิ่งไปในทิศทางที่ทาให้ผู้เล่นรายใหญ่ขาดทุนเด็ดขาด ทั้งๆที่ข้อมูลนั้นจะส่งผลต่อกาไรต่อ บ . จดทะเบียนนั้นโดยตรง .... ตัวอย่างเช่น วันจันทร์ ผู้เล่นรายใหญ่ = นาย F ทาการ Long Set50Future ไว้เป็นจานวนมาก วันรุ