ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภาวะหุ้นและทอง 17-6-2010

SET : ปรับฐานเพื่อขึ้นต่อ? :

คำถามที่ผมเจอบ่อยๆเวลาตลาดทำขาลงก็คือ หุ้นแพงไปหรือเปล่า ? ในช่วงที่ผ่านมาผมย้ำมาตลอดว่าหุ้นไม่แพง ถ้ามันจะแพงก็เพราะความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่ำเกินไป (ไม่งงนะครับ) ณ.ระดับSET 740 ก็บอกแบบมั่นใจว่าให้ซื้อเอาไว้บ้าง......ช่วงนี้นักวิเคราะห์ชอบออกมาบอกว่าหุ้นเล่นยาก ผมก็คงต้องยืนยันตามคำกูรูว่า ใช่ครับ เล่นยาก .....ผมได้ติดตามทิศทางการลงทุนของต่างชาติมาตลอด ก็จะเห็นได้ว่าเค้ายังไม่เชื่อมั่นในทิศทางของตลาดเท่าไร และในหลายๆวันก็เล่นผิดทิศทางเอามากๆ เช่นวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากวันพฤหัส Short Future เอาไว้เยอะ แต่พอทิศทางตลาดโลกดี ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 2%เห็นจะได้ แต่SETของเราเพิ่มขึ้นแค่ประมาณ 1 จุด ว่ากันง่ายๆก็คือ ถ้าเค้า Shortไว้ แล้วเค้าจะเข้าไปซื้อหุ้นให้ตลาดขึ้นและขาดทุนFuture ทำไม แต่ก็ขึ้นพอเป็นธรรมเนียมให้เห็นว่าเขียวเท่านั้น เล่นเอารายย่อยที่เดาทิศทางถูกเซ็งกันไปตามๆกัน.............Volume ในช่วง3-4วันที่ผ่านมาค่อนข้างจะมากถือเป็นปริมาณที่ใช้ได้ แต่หากจะพิจารณาลงไปก็จะเห็นได้ว่า Volume ที่เห็นเป็นปริมาณมากนั้นเพราะเค้าเล่น Net Settlement กัน กล่าวแบบเดาใจคือ เค้าก็ไม่มั่นใจในทิศทางเหมือนกัน (ฝรั่งคงบอกว่าเล่นยากเหมือนกันนะ) จึงไม่ขายหรือซื้อหุ้นแบบชัดเจน แต่จะเข้ามาTrade ก็เพียงเก็งกำไรในระหว่างวันเท่านั้น

อย่างไรก็ดีเมื่อวานนี้ฝรั่งเข้ามาซื้อค่อนข้างมาก แถม Long Future ไว้แบบไม่กลัวติดหุ้น ทั้งๆที่หุ้นขึ้นหลายๆตัวมันเข้าเขต OverBought ไปแล้ว และ SET เองก็ปรับขึ้นหลายวัน มีความเป็นไปได้สูงว่าวันนี้น่าจะมีแรง Take profitระยะสั้นออกมา หากปรับฐานลงไปประมาณ1% น่าเข้ามาลงทุนมากๆโดยเฉพาะกลุ่มพลังงานครับ

ทอง : 1220 แข็งมาก....ถ้าท่านมีพอร์ทที่มีขนาดจะแบ่งการลงทุนได้ 3 ระดับแนะนำซื้อตอนนี้ได้ 30%ครับ และหากลงไปจริงที่ 1220 ก็รับอีก 30% และหากหลุด 1220 ก็ให้เอา 30% ที่เหลือมาซื้อเฉลี่ยและ Cutloss 30%ออกไปก่อนเผื่อกรณีเลวร้ายสุดๆลงไปมากกว่านี้ก็จะได้ Switchต้นทุนลงมารับที่ต่ำๆอีกครั้ง..... ช่วงWeek-Monthนี้เล่นแบบนี้ play save มากๆ ในความเข้าใจผมแบบตัดอคติทิ้งแล้ว 1220 แข็งมากๆทีเดียวต้องแสดงความเสียดายสำหรับท่านที่ไม่ได้เข้ามารับที่ต้นทุน 1220 ด้วยนะครับ เพราะย่อมาให้รับตั้งหลายครั้งแน่ะ !


ปล.บทความภาวะตลาดหุ้นและทอง จัดทำและส่งทางE-mailเป็นประจำทุกเช้า และจะเผยแพร่ทางBlogอย่างเร็วหลังปิดตลาดภาคเช้า


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Margina

กระบวนการ(process) สำคัญกว่า ผลลัพธ์(output)

ฝากถึงน้องๆที่เรียนหรือทำงานสายการตลาด หรืองานใดที่มีเป้าหมาย(goal)เป็นสำคัญ รวมถึงท่านผู้บริหาร.... อย่าได้ไปสนใจผลลัพธ์[output] เป้าหมายหรือคะแนนที่ได้ มากจนเกินไป หลายครั้งที่ผลลัพธ์นั้นเป็นปัจจัยที่เราไม่อาจควบคุมได้ หรือต้องใช้โชคช่วย(ดวง) แต่ถ้าเรามีการทำงานหรือมีกระบวนการทำงาน(PROCESS)ที่ดี ...แม้ว่าผลลัพธ์วันนี้ยังไม่ดี จะขอให้เชื่อมั่น และมั่นใจ ในประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานที่ดี และมีคุณภาพ ว่าสักวันหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ดีจะต้องตามมา อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่หากบางท่านมีกระบวนการที่ไม่ดี แต่ดันโชคช่วยมีผลงานที่ดี ก็อย่าได้เบาใจ จะขอให้ จงระมัดระวัง ว่าผลลัพธ์หรือลูกค้าที่ดีนั้น จะอยู่กับท่านได้ไม่นาน หรืออาจจะไม่มีอีกต่อไปก็เป็นได้ เพราะว่าดวงที่ดี จะไม่มาช่วยท่านอยู่บ่อยๆหรอก สรุปคือ ... "กระบวนการดี ผลลัพธ์ดีแน่ กระบวนการไม่ดี ผลลัพธ์ไม่แน่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ อย่าบ้าผลลัพธ์มากจนเกินไป สิ่งสำคัญคือการพัฒนาการทำงาน ไม่ใช่ทำทุกทางเพื่อความสำเร็จ สำเร็จแล้วมิใช่เอาแต่ทำบุญหวังโชค หากต้องพัฒนาตนให้ก้าวต่อไปด้วย จึงจะมั่นคง" ปล.ต่อยอดความคิดจ

My Hero

ผมเคยได้ดูภาพยนต์ที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งชื่อว่า Batman-The Dark Knight และได้สรุปความลักษณะของฮีโร่คนนี้ได้ว่าเป็นบุคคลประเภท ปิดทองหลังพระ (ตามพระราชดำรัสของในหลวงที่เคารพยิ่งของเรา ที่หวังให้คนไทยเป็นคนดีให้ได้เช่นนี้บ้าง)กล่าวคือ เป็นผู้ซึ่งมีความต้องการช่วยเหลือผู้คนและขจัดความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆรวมทั้งชื่อเสียงและความมีหน้ามีตาในสังคม อีกทั้งยังได้ลงทุนลงแรงมากมายเพื่อให้สำเร็จตามประสงค์ของตนที่อยากได้สังคมที่ดีขึ้นกว่าที่เป็น ในชีวิตจริงนั้นคงเป็นไปได้ยากที่ในสังคมหนึ่งๆ หรือแม้แต่โลกทั้งใบกลมๆนี้จะมีคนเฉกเช่น Batman เพราะการทำดีในสังคมที่มีแต่อวิชชาหรือความโลภเป็นที่ตั้งนั้น กลับเป็นเรื่องยากที่ผู้ต้องการทำความดีที่อาจต้องมีการเสียสละเกิดขึ้น ซึ่งการเสียสละนี้จะเป็นต้นทุนหรือสิ่งที่เป็นผลเสียต่อคนที่ตั้งใจทำความดีนั้นให้ล้มเลิกความคิดไป หากแต่สิ่งที่เราได้ยินได้ฟังจากสื่อต่างๆนั้นการทำความดีต่างๆที่พบเจอ 90%หรือมากกว่านั้นเสียอีก คนที่ทำดีผู้นั้นเขาทราบดีว่าเขาจะได้ออกสื่อหรือแม้แต่เป็นผู้เชิญชวนสื่อให้มาทำข่าวในเรื่องที่เขาทำความดีด้วยตัวเอง ซึ่งพบ