ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภาวะหุ้นและทอง 6-5-2010

SET

ขึ้นมาวันเดียว 4 %กว่าๆจนเกือบได้ Test 800 จุด จากแรงซื้อของกองทุน แต่ก็อีกละเข้ามาซื้อหนัก แล้วทำไมถึง Short Set50Futureละครับ ...ขึ้นมาแรงเกินไปอยู่นะ.....ผมว่าโรดแมปของนายกไม่น่าจะเป็นทางออกของประเทศไทย แต่น่าจะเป็นทางลงของใครบางคนที่ต่อรองกันอยู่มากกว่า ที่จริงไม่เสนอโรดแมปไปอีกไม่นานเค้าก็จะหมดแรงกันอยู่แล้ว ยกเว้นแต่กลุ่มฮาร์ดคอร์ซึ่งสนทนาต่อรองด้วยไม่ได้ นักลงทุน คอการเมืองต่างๆน่าจะเข้าใจประเด็นจุดนี้ดีว่า ไม่น่าจบเพราะโรดแมปของนายก เผลอๆเพราะโรดแมปนี้จึงอาจทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้กลับไปพักผ่อนสะสมกำลังเพื่อกลับมาอีกรอบได้อีกต่างหาก.....ตลาดต่างประเทศแย่จริงๆ พาสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะน้ำมันแย่ไปด้วย ยกเว้นแต่ทองคำ...ดังนั้น ภาวะ SET วันนี้น่าจะลงแรงสมใจคนที่ลากดัชนีขึ้นไป Short Futureนะครับ

ตลาดอย่างนี้ลงแรงๆ ขึ้นแรงๆ : กลยุทธ์ง่ายที่สุดคือ ลงซื้อ ขึ้นขาย = ลงก็ซื้อไว้บ้างเผื่อลมเปลี่ยนทิศ (ขอเป็นหุ้นขนาดใหญ่เท่านั้น ตามที่ได้คุยกันบ่อยๆ กลุ่มนั้นละครับ) / ขึ้นขายก็ขายเถอะครับเพราะมีกำไรแล้วไม่ควรกลับมาขาดทุน อย่างไรก็ดี ตปท.ลงหนักมากๆอาจมี Rebound ในคืนวันนี้ทำให้ตลาดวันศุกร์บ้านเราRebound ได้ก็ได้ครับ

ทองคำ

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับราคาทองคำมีมากมายหลายประการ แต่ผมจะขอสรุปออกมาเป็น 2 ข้อใหญ่ๆก็คือ 1.)เงิน $ ซึ่งจะแปรผันในทิศทางตรงกันข้ามกับราคาทอง กล่าวคือ $ ขึ้น- ทอง ลง , $ ลง-ทองขึ้น และ 2.) การซื้อขายของผู้เล่นรายใหญ่ โดยผมจะให้ Focus ไปที่กองทุนทองคำ SPDR ซึ่งมีการสะสมทองคำมากเป็น NO.1 ของโลก

ในช่วง1-2เดือนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรปส่งผลให้เงินสกุลยูโรอ่อนค่าลงมากจึงทำให้ $ แข็งค่าขึ้นมาอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าเป็นขาขึ้นเต็มตัว หากผมเป็นนักค้าทองโดยพิจารณาแค่ประเด็นนี้ผมจะขายทองหรือทำการ Short GF ทันที เพราะ $ ที่แข็งค่าจะทำให้ต้นทุนในการซื้อทองคำสูงจึงส่งผลให้ราคาทองคำลดลงในที่สุด.....แต่ประเด็นในการเข้าซื้อทองคำ ยังมีอีกข้อสังเกตุหนึ่งที่น่าสนใจนั่นคือ เป็น Save Haven หรือนักลงทุนนิยมซื้อไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อ ความเสี่ยงในผลตอบแทนตราสารทุนหรือตราสารหนี้อื่นๆ รวมถึงความไม่มั่นคงในเรื่องสงคราม....จากเหตุผลดังกล่าวแม้ $ จะแข็งค่าขึ้นมากแต่ราคาทองก็ไม่ค่อยลงเพราะมีแรงซื้อจากผู้เล่นรายใหญ่ อย่าง SPDR โดยเฉพาะเมื่อคืนเข้าซื้อถึง 7 ตัน สรุปสั้นๆตอนนี้ $ ขึ้นแรงจนเข้าสู่ภาวะ Overbought มีแนวโน้มจะปรับตัวลงซึ่งจะส่งผลให้ทองคำมีราคาเพิ่มขึ้น / SPDR มีความมั่นใจในการถือครองทองคำเป็นปริมาณมากจริงๆ / ยุโรปที่ดูแย่แล้วน่าจะมีประเทศในกลุ่มซึ่งก็คือ อิตาลีและไอร์แลนด์มาต่อคิวอีก / ดังนั้นความเสี่ยงเดียวจริงๆที่ทองจะลงคือโดน Take profit จากผู้เล่นรายใหญ่โดยเฉพาะSPDR น่าแหละ : Action: น่า เข้า Long GF ครับ

ทองคำอีกสัก 1-2 Week ผมจะมาร่ายยาวสักครั้ง เพื่ออธิบายถึงภาพรวมถึงตอนนั้นผมขอส่งให้แค่ผู้ที่เปิดบัญชีเท่านั้นนะครับ ^^

พิเศษ : โปรโมชั่น เปิดบัญชี หุ้น-TFEX-ทองคำแท่งกับGloblex ในงาน Money Expo 6-5 .. ท่าจะได้รับ คูปองลุ้นThumbDrive ทองคำ 2 g ,กล่องหนังเอนกประสงค์ และสร้อยทองคำทุกชั่วโมง / ได้รับเสื้อยืด I love Globlexทันที

เปิดบัญชี TFEX รับ Gift Voucher 200 บาท และหากมีการซื้อขาย ทุก 500 บาทจะได้แต้มสะสม 1แต้มครบ 10แต้มได้รับ Gift Voucher 200 บาท

เปิดบัญชี ทองคำแท่งรับส่วนลด 1000 บาทและลุ้นรับBlackberry

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Mar...

ภาวะหุ้นและทอง 2-7-10

ทอง : รายงานการใช้สิทธิเคลมการว่างงานในสหรัฐพุ่งสูงขึ้นเป็นทวีคูณ จาก 13000 เป็น 472000 ทำให้เงิน $ อ่อนยวบ และตามปัจจัยพื้นฐานนี้ อันที่จริงเท่าที่คำนวณน่าจะทำให้ทองคำบวกขึ้นไปประมาณ + 20 $ ได้ครับ แต่เหตุการณ์ที่เป็นบวกเช่นนี้กลับถูกแรงขายอย่างหนัก นำโดย SPDR แต่ก็ขายเพียงแค่ 1.22 ตันเท่านั้น ผสมโรง Follow by กองทุนทองคำต่างๆก็ขายออกมาตามกันทำให้ทองคำร่วงไปถึง 1195 ถือว่ารุนแรงมาก เมื่อเทียบ จาก ปริมาณขายที่ดูไม่ค่อยจะมากเท่าไรนัก ผมตื่นเช้ามาโดยหวังว่าน่าจะ Rebound กลับไปที่ 1215 ได้สบายๆแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ขณะที่เขียนเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1202 เท่านั้น ปัจจัยทางเทคนิคที่เราเคยใช้เจ้า SMA 21 วันทำกำไรมา 3-4 รอบนั้นเป็นอันต้องลืมไปก่อนแล้วมาหาจุดสังเกตุกันใหม่ ตอนนี้น่าจะดูที่แนวรับ EMA (E=exponential) 75 วัน ซึ่งให้แนวรับที่ 1194 อันเป็นจุดที่ราคาลงมาทดสอบครั้งนึงแล้วไม่หลุดนั่นเองครับ รายงาน จาก สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าคนจะนำเงิน จาก การขายทองเพื่อไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลเนื่อง จาก ความผันผวนทางเศรษฐกิจ .... อ้าว....ตกลงทองไม่ใช่ Save Haven แล้วหรือ ก็ว่า...

Carbon credit ,ไม่ใช่เรื่องใหม่ มาอ่าน เข้าใจกันง่ายๆดีกว่า

"ผลกำไรของเอกชน เป็นของเอกชนเจ้านั้นๆ แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นั่นเป็นของสังคมโดยรวม" การทำธุรกิจเพื่อหวังผลกำไร แต่การดำเนินงานนั้นอาจจะส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมเป็นผลลบสู่สังคม หรือทำให้สังคมขาดทุน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการผลิต  เช่น การผลิตรถยนต์นั้น ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการปล่อย Co2 ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้ จนทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก หรือเรียกว่า greenhouse effect  ....นี่เป็นต้นทุนทางสังคม Benefit-cost เราเรียกการทำให้สังคมเสียหายนี้ว่า Negative externalities แปลเป็นไทยแบบภาษาพูดง่ายๆ ก็คือ การประกอบธุรกิจเพื่อหวังผลกำไรของเอกชน(หรืออุตสาหกรรมต่างๆ) กำไรเป็นของเอกชน ซึ่งเป็นเรื่องภายในของคุณ แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของสังคมนั้นเสียหาย ซึ่งก่อผลกระทบสู่ภายนอก ในปี 2005 ภายหลังที่ บิล คลินตัน ออกมารณรงค์เรื่องโลกเขียว (รักษาสิ่งแวดล้อม) สถิติจากWorld Resources  ระบุว่า สหรัฐฯพี่ใหญ่เป็นคนปล่อยCo2สูงสุดปีละ 5.7 พันล้านตัน อันดับ 2 คือจีน 3.4 พันล้านตัน อันดับ 3 คือ รัสเซีย 1.5 พันล้านตัน ญี่ปุ่น 1.2 พันล้านตัน อังกฤษ 558 ล้านตัน ส่วนไทย 172 ล้านตัน...