ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภาวะหุ้นและทอง 11-5-2010

ทองคำ : อย่างที่พูดคุยกับนักลงทุนในงาน Money Expo หลายท่าน ว่าทองคำน่าจะขึ้นรอบใหญ่ด้วย ปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุนทั้งทางตรง และจิตวิทยาว่าด้วยความกลัวและความโลภ แต่อาจจะมีการ take profit รุนแรงสักครั้ง ...เมื่อวานนี้น่าขำดีที่ว่ามีการ Take Profit แรงเพราะว่าข่าวกรีซได้รับความช่วยเหลือ (เป็นอันชัดเจน) ที่ผมบอกว่าตลกเพราะ 1.ข่าวมีการ Commit ว่าจะเข้าช่วยเหลือหลายรอบแล้ว 2.ถ้ากรีซดีขึ้นก็จะส่งผลให้ เงินยูโรแข็งขึ้น -> $ อ่อนตัวลง -> ทองคำราคาสูงขึ้นสิ .....แล้วรีบขายทำไมดังนั้นในช่วงที่มี Panic Sell ประมาณ 3โมง ระยะเวลาแค่ 10 นาที แต่ตกลงไปจาก1200 -> 1185 ได้ คนที่มองปัจจัยพื้นฐานออก รวมถึงนักลงทุนที่กล้าเข้ารับซื้อไว้ทัน ก็จะได้กำไรวันนี้ประมาณ20 $ เห็นจะได้ นาทีทองนี่มันแปปเดียวจริงๆ อย่างไรก็ตาม SPDR เข้าซื้ออีกแล้วครับ 4 ตันกว่าๆ .ระดับต้นทุนประมาณนี้ หากเรามองว่าเราเล่นตาม SPDR คล้ายๆเป็นกลยุทธ์ เหาฉลามคือเขาไปไหนเราไปด้วย ไม่เสี่ยงมากเกินไปครับ LongGF ได้ เพราะเขาต้นทุนในลอทหลังๆของ SPDR ไม่ได้ต่ำกว่าราคาปัจจุบันเท่าไร

SET : เหนื่อยนะฮะ ต้องวิเคราะห์ข่าวการเมือง เหมือนมานั่งเดาใจกัน..... มาดูปัจจัยต่างประเทศดีกว่า ฝืนตลาดโลกไม่ได้ Europe ก็รีบาวน์ขึ้นมาจริงๆตามข่าวกรีซ และก็จากการขายมากเกินไป Oversold ทำให้ราคาคอมมอทดิตี้ เช่นน้ำมัน รีบาวน์ขึ้นมาด้วย ภาวะตลาดทั่วโลกสดใส บ้านเราสดใส คนที่เก็บไว้เมื่อวัน พฤ กับศุกร์กำไรแล้วครับ / ปีนี้ก็ยังเชียร์กลุ่มพลังงานและอาหารอย่างต่อเนื่อง สว่ นกลุ่มธนาคารผมมองไม่ค่อยออก พอจะคาดการณ์ได้ว่าในช่วงปลายปีน่าจะมีการขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้น ก็จะส่งผลไม่ค่อยดีเท่าไร...USA ยังว่างงานสูง คงจะต้องกดอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป แต่หากคงอัตราดอกเบี้ยต่ำนานเกินไปอาจมีปัญหาในระบบการเงินด้านสภาพคล่อง เหมือนกับทปี่ ู่ AlanGreenspan ผู้อำนวยการ FED คนก่อนเคยทำไว้จนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ USA

ภาพรวมตลาดจาก ดร.วิน ครับ

ในช่วงที่ปัญหาทางการเมืองคลี่คลายนี้ มองว่า SET Index น่าจะสามารถเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 810-820 จุด ส่วนในช่วงถัดไปหลังจากมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งน่าจะส่งผลให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น และหากไม่มีปัจจยั ภายนอกประเทศมากระทบ บลจ.แอสเซท พลัส คาดว่า ตลาดหุ้นในปีนี้น่าจะปรับขึ้นได้ถึงระดับ 850 จุด สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นสามารถเข้าลงทุนในช่วงนี้ได้ โดยมองว่าตลาดน่าจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 750-820 จุด

อ้างอิง http://manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9530000063144__

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Mar...

ภาวะหุ้นและทอง 2-7-10

ทอง : รายงานการใช้สิทธิเคลมการว่างงานในสหรัฐพุ่งสูงขึ้นเป็นทวีคูณ จาก 13000 เป็น 472000 ทำให้เงิน $ อ่อนยวบ และตามปัจจัยพื้นฐานนี้ อันที่จริงเท่าที่คำนวณน่าจะทำให้ทองคำบวกขึ้นไปประมาณ + 20 $ ได้ครับ แต่เหตุการณ์ที่เป็นบวกเช่นนี้กลับถูกแรงขายอย่างหนัก นำโดย SPDR แต่ก็ขายเพียงแค่ 1.22 ตันเท่านั้น ผสมโรง Follow by กองทุนทองคำต่างๆก็ขายออกมาตามกันทำให้ทองคำร่วงไปถึง 1195 ถือว่ารุนแรงมาก เมื่อเทียบ จาก ปริมาณขายที่ดูไม่ค่อยจะมากเท่าไรนัก ผมตื่นเช้ามาโดยหวังว่าน่าจะ Rebound กลับไปที่ 1215 ได้สบายๆแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ขณะที่เขียนเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1202 เท่านั้น ปัจจัยทางเทคนิคที่เราเคยใช้เจ้า SMA 21 วันทำกำไรมา 3-4 รอบนั้นเป็นอันต้องลืมไปก่อนแล้วมาหาจุดสังเกตุกันใหม่ ตอนนี้น่าจะดูที่แนวรับ EMA (E=exponential) 75 วัน ซึ่งให้แนวรับที่ 1194 อันเป็นจุดที่ราคาลงมาทดสอบครั้งนึงแล้วไม่หลุดนั่นเองครับ รายงาน จาก สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าคนจะนำเงิน จาก การขายทองเพื่อไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลเนื่อง จาก ความผันผวนทางเศรษฐกิจ .... อ้าว....ตกลงทองไม่ใช่ Save Haven แล้วหรือ ก็ว่า...

Carbon credit ,ไม่ใช่เรื่องใหม่ มาอ่าน เข้าใจกันง่ายๆดีกว่า

"ผลกำไรของเอกชน เป็นของเอกชนเจ้านั้นๆ แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นั่นเป็นของสังคมโดยรวม" การทำธุรกิจเพื่อหวังผลกำไร แต่การดำเนินงานนั้นอาจจะส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมเป็นผลลบสู่สังคม หรือทำให้สังคมขาดทุน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการผลิต  เช่น การผลิตรถยนต์นั้น ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการปล่อย Co2 ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้ จนทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก หรือเรียกว่า greenhouse effect  ....นี่เป็นต้นทุนทางสังคม Benefit-cost เราเรียกการทำให้สังคมเสียหายนี้ว่า Negative externalities แปลเป็นไทยแบบภาษาพูดง่ายๆ ก็คือ การประกอบธุรกิจเพื่อหวังผลกำไรของเอกชน(หรืออุตสาหกรรมต่างๆ) กำไรเป็นของเอกชน ซึ่งเป็นเรื่องภายในของคุณ แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของสังคมนั้นเสียหาย ซึ่งก่อผลกระทบสู่ภายนอก ในปี 2005 ภายหลังที่ บิล คลินตัน ออกมารณรงค์เรื่องโลกเขียว (รักษาสิ่งแวดล้อม) สถิติจากWorld Resources  ระบุว่า สหรัฐฯพี่ใหญ่เป็นคนปล่อยCo2สูงสุดปีละ 5.7 พันล้านตัน อันดับ 2 คือจีน 3.4 พันล้านตัน อันดับ 3 คือ รัสเซีย 1.5 พันล้านตัน ญี่ปุ่น 1.2 พันล้านตัน อังกฤษ 558 ล้านตัน ส่วนไทย 172 ล้านตัน...