ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

หุ้นไทยเล่นค้านสายตา



หนึ่่งในความเห็นที่ผมคัดลอกมาจาก pantip โดยคุณ sakvi

"หลายท่านคงสงสัยว่าทำไมรอบนี้หรั่งขายของแล้วตั้ง 15000 ล้าน  หุ้นกลับไม่ค่อยลง  แถมยังทำท่าจะยืน 1000 จุด  ในเดือน 12 นี้ซะด้วย  

รอบนี้หรั่งยังเหลือของอีก 20000 ล้าน นะครับ +long tfexอีก 13000สัญญา (โดยเฉพาะ tfex ที่ผมให้ความสนใจเป็นพิเศษใน 2 วันสุดท้ายของสิ้นเดือน 11 นี้   ที่มีการ  long เข้ามามากเป็นพิเศษถึง 5400 สัญญา) หรั่งกำลังทำอะไรครับ

ในมุมมองของผม (sakvi)
หรั่งขายหุ้น+tfexเพื่อทำกำไรบางส่วนและนำเงินส่วนหนึ่งมายัน tfex ที่ตัวเองถือสัญญาอยู่  เพื่อดันจนปิดวันสิ้นอายุที่สิ้นปีนี้ทั้งหมด    ซึ่งจะทำให้หรั่งมีกำไรสูง+พอร์ทหุ้นที่เหลือก็จะมีกำไรเพิ่มขึ้นที่สิ้นปีด้วย  และจะทำให้ผู้ที่ short ไว้   ตายเรียบบบครับ"

ความเห็นผมเพิ่มเติม....(หนุ่ม)
สรุปก็คือ ฝรั่งพยายามลดพอร์ทการลงทุนในไทย แต่เพื่อขายไม่ให้เสียราคา และได้กำไรจากการ Long Set50Future..ยามแย่ก็ขึ้นน้อยๆ ยามดีก็ขึ้นแรงๆ ขึ้นลูกเดียวครับ

กลยุทธ์ที่ใช้คือวาง BID -OFFER โดยใช้เทคทิคทางจิตวิทยาให้คนในตลาดเข้าใจว่าหุ้นไทย จะทะยานวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ แบบไม่ต้องมีเหตุผลก็ได้ และจะไม่สนปัจจัยพื้นฐานว่า สภาพแวดล้อม ภายนอก ภายในจะเป็นเช่นไร คนที่ชอบเก็งกำไรก็จะกลัวตกรถรอบใหญ่ จึงเข้ามาซื้อเพื่อไม่ให้เสียรอบ ก็จะเข้าทางแล้วพี่ฝรั่งจะสอดแทรกแอบขายแบบเนียนๆ

เมื่อฝรั่งทยอยขายหุ้นที่มีอยู่ในพอร์ทเกือบหมดหรือจนถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้แต่แรกแล้ว  ก็จะทำการ Dumb sell ออกมาแบบมหาศาล (ถึงวันนั้นอาจจะอ้างด้วยเหตุผลน้ำท่วมก็ได้) Dumb sellแรงๆ ออกมาเรื่อยๆ เพื่อให้ราคาหุ้นลงมาต่ำๆ จนเสียบรรยากาศการลงทุน ทุกคนถอดใจขายล้างพอร์ทหมด ในที่สุดถึงวันนั้นแล้วจึงเข้ามาเก็บหุ้นเพื่อเล่นรอบใหญ่อีกครั้งนึงครับ

กลยุทธ์ช่วงนี้: เลิกฟังข่าว ดูราคาอย่างเดียว และไม่ลงทุนระยะยาว เตรียมขายหุ้นตลอดเวลาเมื่อฝรั่ง Dumb sell

ปล.ถือว่าฟังนิทานเรื่องสั้นอย่าคิดมากครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Mar...

ภาวะหุ้นและทอง 2-7-10

ทอง : รายงานการใช้สิทธิเคลมการว่างงานในสหรัฐพุ่งสูงขึ้นเป็นทวีคูณ จาก 13000 เป็น 472000 ทำให้เงิน $ อ่อนยวบ และตามปัจจัยพื้นฐานนี้ อันที่จริงเท่าที่คำนวณน่าจะทำให้ทองคำบวกขึ้นไปประมาณ + 20 $ ได้ครับ แต่เหตุการณ์ที่เป็นบวกเช่นนี้กลับถูกแรงขายอย่างหนัก นำโดย SPDR แต่ก็ขายเพียงแค่ 1.22 ตันเท่านั้น ผสมโรง Follow by กองทุนทองคำต่างๆก็ขายออกมาตามกันทำให้ทองคำร่วงไปถึง 1195 ถือว่ารุนแรงมาก เมื่อเทียบ จาก ปริมาณขายที่ดูไม่ค่อยจะมากเท่าไรนัก ผมตื่นเช้ามาโดยหวังว่าน่าจะ Rebound กลับไปที่ 1215 ได้สบายๆแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ขณะที่เขียนเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1202 เท่านั้น ปัจจัยทางเทคนิคที่เราเคยใช้เจ้า SMA 21 วันทำกำไรมา 3-4 รอบนั้นเป็นอันต้องลืมไปก่อนแล้วมาหาจุดสังเกตุกันใหม่ ตอนนี้น่าจะดูที่แนวรับ EMA (E=exponential) 75 วัน ซึ่งให้แนวรับที่ 1194 อันเป็นจุดที่ราคาลงมาทดสอบครั้งนึงแล้วไม่หลุดนั่นเองครับ รายงาน จาก สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าคนจะนำเงิน จาก การขายทองเพื่อไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลเนื่อง จาก ความผันผวนทางเศรษฐกิจ .... อ้าว....ตกลงทองไม่ใช่ Save Haven แล้วหรือ ก็ว่า...

Carbon credit ,ไม่ใช่เรื่องใหม่ มาอ่าน เข้าใจกันง่ายๆดีกว่า

"ผลกำไรของเอกชน เป็นของเอกชนเจ้านั้นๆ แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นั่นเป็นของสังคมโดยรวม" การทำธุรกิจเพื่อหวังผลกำไร แต่การดำเนินงานนั้นอาจจะส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมเป็นผลลบสู่สังคม หรือทำให้สังคมขาดทุน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการผลิต  เช่น การผลิตรถยนต์นั้น ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการปล่อย Co2 ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้ จนทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก หรือเรียกว่า greenhouse effect  ....นี่เป็นต้นทุนทางสังคม Benefit-cost เราเรียกการทำให้สังคมเสียหายนี้ว่า Negative externalities แปลเป็นไทยแบบภาษาพูดง่ายๆ ก็คือ การประกอบธุรกิจเพื่อหวังผลกำไรของเอกชน(หรืออุตสาหกรรมต่างๆ) กำไรเป็นของเอกชน ซึ่งเป็นเรื่องภายในของคุณ แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของสังคมนั้นเสียหาย ซึ่งก่อผลกระทบสู่ภายนอก ในปี 2005 ภายหลังที่ บิล คลินตัน ออกมารณรงค์เรื่องโลกเขียว (รักษาสิ่งแวดล้อม) สถิติจากWorld Resources  ระบุว่า สหรัฐฯพี่ใหญ่เป็นคนปล่อยCo2สูงสุดปีละ 5.7 พันล้านตัน อันดับ 2 คือจีน 3.4 พันล้านตัน อันดับ 3 คือ รัสเซีย 1.5 พันล้านตัน ญี่ปุ่น 1.2 พันล้านตัน อังกฤษ 558 ล้านตัน ส่วนไทย 172 ล้านตัน...