ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภาวะหุ้นและทอง SET & Gold future 4-03-11


SET : ทิศทางค่าเงินบาทยังคงอยู่ในทิศทางแข็งค่า ปัจจุบันอยู่ที่ 30.42 แต่SET อยู่ในทิศทาง side way ไม่ผ่าน 995 และ 1000 จุดไปง่ายๆ นั่นเพราะ กองทุนไทยยังเก็บของไม่ครบ (หรือเปล่า?) เพราะมองเพื่อนบ้าน เค้ากลับมาได้กันหมดแล้ว เช่น จีน กลับมา 3000 ญี่ปุ่น กลับมา 10000 แต่SETเราจะถูกจำกัดไว้ใต้ 1000 จุดนานพอสมควร  เอาเป็นว่าหากค่าเงินยังคงแข็งค่า แต่ SET ยังไม่Break 995เราก็ สะสมหุ้นพื้นฐานได้ คำว่า สะสม คือ ค่อยๆซื้อ คงไม่ลงซื้อ-ขึ้นขายเพราะไม่อาจเก่งกาจได้ขนาดนั้น อย่างไรก็ดีวันนี้มีโอกาสสูงที่จะผ่าน 995 และ1000 จุดไปได้ หากผ่านได้จริงเราจะได้ Bullish Market กลับมาเป้าหมายแรก 1200 จุดครับ

ทองคำ : รอบนี้เราทำได้ตามเป้านั่นคือสะสม Long จนกระทั่งได้ขายเมื่อมันสุด วงจร (trend)ระยะสั้นถึงกลาง บางวันก็แอบขายวงจรระดับจิ๋ว(Micro)บ้างก็ไม่เป็นไร

เรามีมุมมองลงมา 1-2วันแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ short กันโดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่กล้า cut loss แต่จะให้รอ Long เมื่ออ่อนตัวลงมาอย่างเดียว เพราะกลยุทธ์หลักเราเป็นอย่างนี้ แม้มันไม่ได้ทำกำไรมหาศาล แต่ก็กำไรค่อนข้างแน่และก็มากพอสมควรเพราะ Future มันมี Leverage อยู่แล้ว ส่วนจะกำไรมากน้อยเพียงใดนั่นอยู่ที่ท่านแต่ละคน บริหารสัดส่วนการลงทุนด้วย

เมื่อวานซืนคาดการณ์ว่าทองคำจะมี correction ราวๆ 50 $ ตอนนี้ลงมา 30 $แล้ว(จาก 1440 ลงมา 1410) แต่ก็แนะนำให้เริ่มสะสมLongได้ อาจเริ่มซื้อช่วงบ่ายใกล้ๆ 1410 สัก15-20%ของพอร์ท อาจจะมีคำถามว่าในเมื่อคาดว่าน่าจะลงมากว่า 50 แต่ทำไมลงมาแค่นี้ให้ซื้อแล้ว คำตอบคือ Gold spot มันไม่สนหรอกว่าผมคาดการณ์แม่นยำหรือไม่ รู้แต่ว่าที่ระดับ 1410 ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 10 วันมากน่าซื้อไว้สักหน่อย  ส่วนท่านที่ Short ไว้หากยังไม่ผ่าน 1420 ยังไม่ต้อง Take profit ก็ได้ครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Margina

กระบวนการ(process) สำคัญกว่า ผลลัพธ์(output)

ฝากถึงน้องๆที่เรียนหรือทำงานสายการตลาด หรืองานใดที่มีเป้าหมาย(goal)เป็นสำคัญ รวมถึงท่านผู้บริหาร.... อย่าได้ไปสนใจผลลัพธ์[output] เป้าหมายหรือคะแนนที่ได้ มากจนเกินไป หลายครั้งที่ผลลัพธ์นั้นเป็นปัจจัยที่เราไม่อาจควบคุมได้ หรือต้องใช้โชคช่วย(ดวง) แต่ถ้าเรามีการทำงานหรือมีกระบวนการทำงาน(PROCESS)ที่ดี ...แม้ว่าผลลัพธ์วันนี้ยังไม่ดี จะขอให้เชื่อมั่น และมั่นใจ ในประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานที่ดี และมีคุณภาพ ว่าสักวันหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ดีจะต้องตามมา อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่หากบางท่านมีกระบวนการที่ไม่ดี แต่ดันโชคช่วยมีผลงานที่ดี ก็อย่าได้เบาใจ จะขอให้ จงระมัดระวัง ว่าผลลัพธ์หรือลูกค้าที่ดีนั้น จะอยู่กับท่านได้ไม่นาน หรืออาจจะไม่มีอีกต่อไปก็เป็นได้ เพราะว่าดวงที่ดี จะไม่มาช่วยท่านอยู่บ่อยๆหรอก สรุปคือ ... "กระบวนการดี ผลลัพธ์ดีแน่ กระบวนการไม่ดี ผลลัพธ์ไม่แน่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ อย่าบ้าผลลัพธ์มากจนเกินไป สิ่งสำคัญคือการพัฒนาการทำงาน ไม่ใช่ทำทุกทางเพื่อความสำเร็จ สำเร็จแล้วมิใช่เอาแต่ทำบุญหวังโชค หากต้องพัฒนาตนให้ก้าวต่อไปด้วย จึงจะมั่นคง" ปล.ต่อยอดความคิดจ

My Hero

ผมเคยได้ดูภาพยนต์ที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งชื่อว่า Batman-The Dark Knight และได้สรุปความลักษณะของฮีโร่คนนี้ได้ว่าเป็นบุคคลประเภท ปิดทองหลังพระ (ตามพระราชดำรัสของในหลวงที่เคารพยิ่งของเรา ที่หวังให้คนไทยเป็นคนดีให้ได้เช่นนี้บ้าง)กล่าวคือ เป็นผู้ซึ่งมีความต้องการช่วยเหลือผู้คนและขจัดความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆรวมทั้งชื่อเสียงและความมีหน้ามีตาในสังคม อีกทั้งยังได้ลงทุนลงแรงมากมายเพื่อให้สำเร็จตามประสงค์ของตนที่อยากได้สังคมที่ดีขึ้นกว่าที่เป็น ในชีวิตจริงนั้นคงเป็นไปได้ยากที่ในสังคมหนึ่งๆ หรือแม้แต่โลกทั้งใบกลมๆนี้จะมีคนเฉกเช่น Batman เพราะการทำดีในสังคมที่มีแต่อวิชชาหรือความโลภเป็นที่ตั้งนั้น กลับเป็นเรื่องยากที่ผู้ต้องการทำความดีที่อาจต้องมีการเสียสละเกิดขึ้น ซึ่งการเสียสละนี้จะเป็นต้นทุนหรือสิ่งที่เป็นผลเสียต่อคนที่ตั้งใจทำความดีนั้นให้ล้มเลิกความคิดไป หากแต่สิ่งที่เราได้ยินได้ฟังจากสื่อต่างๆนั้นการทำความดีต่างๆที่พบเจอ 90%หรือมากกว่านั้นเสียอีก คนที่ทำดีผู้นั้นเขาทราบดีว่าเขาจะได้ออกสื่อหรือแม้แต่เป็นผู้เชิญชวนสื่อให้มาทำข่าวในเรื่องที่เขาทำความดีด้วยตัวเอง ซึ่งพบ