วันนี้ราคาทองคำไทย ปรับบวกเพิ่มขึ้นประมาณ 150 บาท ด้วยอานิสงค์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างรุนแรง เพราะฝรั่งเทขายหุ้นไทยอย่างหนัก และมีการนำเงินบาทแลกเป็นเงินสกุลต่างประเทศเพื่อนำออกนอกประเทศ
ในปีที่แล้ว SET มีผลตอบแทนเป็นอันดับ 2 ในเอเซีย กล่าวได้ง่ายๆว่าดัชนีขึ้นมาสูง จึงเป็นธรรมดาที่จะเกิดแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ดีวันนี้ SET ดิ่งลงแรง ลดลง 4.26% หนักสุดในภูมิภาค ในขณะที่ปริมาณซื้อขายระดับ 3 หมื่นล้านซึ่งถือว่าไม่หนาแน่น เจาะเข้ามาดูพฤติกรรมในช่วงระหว่างการซื้อขาย พอจะสังเกตุได้ว่ามีคนตั้งรอซื้อ (Bid)เท่าไรก็ ขายหมด ขายหมด เหมือนกับตั้งใจว่าวันนี้ต้องขายให้ได้ในปริมาณที่ตั้งใจไว้ให้ได้ โดยไม่เกี่ยงราคา ทั้งๆที่ปัจจัยที่กดดันตลาดทั่วโลกที่หยิบยกมานั้นก็เป็นเรื่องเดียวกัน นั่นคือ ความกังวลว่าจีนจะออกมาตรการรัดเข็มขัดทางเศรษกิจเพิ่มขึ้น
ในเมื่อ SET บ้านเราลงแรงมากกว่าเพื่อนบ้านเหลือเกิน ผมก็เลยอาจตั้งข้อสังเกตุเหตุการณ์เฉพาะภายในบ้านเราว่า จะเกิด"อะไร" ขึ้นกับบ้านเมืองเรา? สัมพันธ์กับเรื่องการเมืองหรือไม่? หากแต่ว่ามีเฉพาะเรื่องของการชุมนุมของพันธมิตรฯซึ่งก็เคยพิสูจน์ไปแล้วในอดีต ว่าไม่ได้ส่งผลทำให้ SET ลง เผลอๆขึ้นแรงด้วยซ้ำไป ถ้าเพียงจะมองในเรื่องพื้นฐานเศรษฐกิจ ทั้ง ธปท และกูรูทางเศรษฐกิจก็ออกมาให้ข่าวแล้วว่าปีนี้พื้นฐานแกร่ง เติบโตต่อเนื่อง ที่กล่าวมาทั้งหมดผมคงบอกไม่ได้(อยู่แล้ว)ว่า"อะไรจะเกิดขึ้น" เพียงแต่เคยเรียนไว้เสมอๆในเรื่อง Hot money พวกเราเองไม่มีทางรู้ได้ก่อนว่าคนที่กำเงินเค้าจะทำอะไร หรือรู้อะไร หรือบางครั้งพวกเรารู้ทีหลังก็อาจเป็นเหตุผลไม่จริงก็เป็นได้ แต่สิ่งที่จะบอกเราได้อย่างแน่นอน คือ การซื้อ-ขายสุทธิ รวมทั้งค่าเงินที่จะมีแนวโน้มไปในทิศทางใด ดังนั้นหากจะงดอ่านข่าวแล้วมาดูการเคลื่อนไหวของตัวเลขอย่างเดียว บางครั้งคุณอาจเข้าใจอะไรๆได้ดีกว่า การเชื่อมโยงเหตุผลทางเศรษฐกิจมากมาย
กลยุทธ์ : จับตาทิศทางค่าเงินบาทหากมี Rebound เนื่องจากลงมาแรงแต่ค่าเงินบาทไม่แข็งค่าขึ้นให้ถือโอกาสลดพอร์ทต่อไป และ wait and see จนกว่าจะมีข่าวสารสำคัญออกมา หรือการกลับเข้ามาซื้อสุทธิสำหรับกองทุนและฝรั่ง
ในปีที่แล้ว SET มีผลตอบแทนเป็นอันดับ 2 ในเอเซีย กล่าวได้ง่ายๆว่าดัชนีขึ้นมาสูง จึงเป็นธรรมดาที่จะเกิดแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ดีวันนี้ SET ดิ่งลงแรง ลดลง 4.26% หนักสุดในภูมิภาค ในขณะที่ปริมาณซื้อขายระดับ 3 หมื่นล้านซึ่งถือว่าไม่หนาแน่น เจาะเข้ามาดูพฤติกรรมในช่วงระหว่างการซื้อขาย พอจะสังเกตุได้ว่ามีคนตั้งรอซื้อ (Bid)เท่าไรก็ ขายหมด ขายหมด เหมือนกับตั้งใจว่าวันนี้ต้องขายให้ได้ในปริมาณที่ตั้งใจไว้ให้ได้ โดยไม่เกี่ยงราคา ทั้งๆที่ปัจจัยที่กดดันตลาดทั่วโลกที่หยิบยกมานั้นก็เป็นเรื่องเดียวกัน นั่นคือ ความกังวลว่าจีนจะออกมาตรการรัดเข็มขัดทางเศรษกิจเพิ่มขึ้น
ในเมื่อ SET บ้านเราลงแรงมากกว่าเพื่อนบ้านเหลือเกิน ผมก็เลยอาจตั้งข้อสังเกตุเหตุการณ์เฉพาะภายในบ้านเราว่า จะเกิด"อะไร" ขึ้นกับบ้านเมืองเรา? สัมพันธ์กับเรื่องการเมืองหรือไม่? หากแต่ว่ามีเฉพาะเรื่องของการชุมนุมของพันธมิตรฯซึ่งก็เคยพิสูจน์ไปแล้วในอดีต ว่าไม่ได้ส่งผลทำให้ SET ลง เผลอๆขึ้นแรงด้วยซ้ำไป ถ้าเพียงจะมองในเรื่องพื้นฐานเศรษฐกิจ ทั้ง ธปท และกูรูทางเศรษฐกิจก็ออกมาให้ข่าวแล้วว่าปีนี้พื้นฐานแกร่ง เติบโตต่อเนื่อง ที่กล่าวมาทั้งหมดผมคงบอกไม่ได้(อยู่แล้ว)ว่า"อะไรจะเกิดขึ้น" เพียงแต่เคยเรียนไว้เสมอๆในเรื่อง Hot money พวกเราเองไม่มีทางรู้ได้ก่อนว่าคนที่กำเงินเค้าจะทำอะไร หรือรู้อะไร หรือบางครั้งพวกเรารู้ทีหลังก็อาจเป็นเหตุผลไม่จริงก็เป็นได้ แต่สิ่งที่จะบอกเราได้อย่างแน่นอน คือ การซื้อ-ขายสุทธิ รวมทั้งค่าเงินที่จะมีแนวโน้มไปในทิศทางใด ดังนั้นหากจะงดอ่านข่าวแล้วมาดูการเคลื่อนไหวของตัวเลขอย่างเดียว บางครั้งคุณอาจเข้าใจอะไรๆได้ดีกว่า การเชื่อมโยงเหตุผลทางเศรษฐกิจมากมาย
กลยุทธ์ : จับตาทิศทางค่าเงินบาทหากมี Rebound เนื่องจากลงมาแรงแต่ค่าเงินบาทไม่แข็งค่าขึ้นให้ถือโอกาสลดพอร์ทต่อไป และ wait and see จนกว่าจะมีข่าวสารสำคัญออกมา หรือการกลับเข้ามาซื้อสุทธิสำหรับกองทุนและฝรั่ง
ความคิดเห็น