ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภาวะหุ้นและทอง 3-8-11 ค่ำ "Sectorแห่งอนาคต"

ตัวเลขการสั่งซื้อสินค้าโรงงาน ต่ำลง 0.8%ในเดือนมิ.ย.เป็นดัชนีหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอทางภาคการผลิตในUS รวมไปถึงภาคการบริการก็เติบโตต่ำกว่าคาดและการสร้างงานในภาคบริการก็ยังคงน้อยนิดเช่นกัน  ...อย่างไรก็ดี DOWJ ร่วง8วันติดวันนี้อาจมี Technical rebound

ส่วนทองคำเริ่มเข้าเขตซื้อมากเกินไปดังนั้นแม้มีตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำของUS แต่ทองคำยังไม่สามารถทะยานต่อไปอีกได้ไกล(ขาขึ้นเริ่มอ่อ่นแรง) แต่Shorterยังไม่ต้องรีบร้อน(ทยอยได้แต่อย่าอัดเต็ม) เพราะOver boughtไม่ได้หมายความว่าจะลงแล้ว แต่มันบอกว่าน่าจะลงมากกว่า ดังนั้นหากท่านShortไปวันนี้ หากโชคร้ายวันพรุ่งนี้ USเจอ Downgradeขึ้นมา ท่านได้พบกับ Super Overboughtแน่ครับ

ส่วนSETบ้านเราผมสังเกตกลุ่มอาหารแข็งแกร่งดีนะครับ ทุกวันนี้โลกเราเอาแต่เล่นแร่แปรธาตุ คนที่ทำงานผลิตอาหารให้เราเช่นชาวนา เกษตรกรกลับมีรายได้เพียงน้อยนิด เมื่อเทียบกับผู้จัดการกองทุนหรือวิศวกรการเงินที่ทำงานแค่ผลิตฝัน,เพิ่มมูลค่าให้กับเงินของท่านซึ่งเป็นแค่สิ่งสมมุติเท่านั้น ....เมื่อเราฝันกันไปไกลสุดท้ายก็กลับมาสู่สามัญ  ทรัพยากร : อาหาร พลังงาน เป็นสิ่งที่เราต้องบริโภคทุกวันหากขาดมันไปแม้แต่วันเดียวหรือแม้แต่ครึ่งวันทุกๆคนมีปัญหาแน่นอน แต่อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ internet ท่านสามารถหยุดการบริโภคเป็นปีๆได้โดยชีวิตท่านก็สามารถดำรงอยู่ได้ อาจไม่สะดวกสบายเท่าใดนักแต่ท่านก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ .... ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ สิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนคือประชาชนโดยทั่วไปจะยากจนลง แต่จะมีกลุ่มคนที่เป็นinsiderกลุ่มเล็กๆเท่านั้น(นักการเมือง)ที่ฉกฉวยการเคลื่อนไหวของราคาอันรุนแรงนี้ไปสร้างผลประโยชน์มหาศาลได้ เมื่อความยากจนขยายตัวเป็นวงกว้างแม้เราจะมีเงินเดือนเยอะขึ้นแต่ก็จนลงๆเพราะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นมากกว่า ดังนั้นสิ่งที่นอกเหนือไปกว่าการดำรงชีวิตจะถูกชะลอออกไปก่อน อันนี้ผมก็สามารถตอบคำถามให้กับท่านที่ชอบลงทุนระยะยาวได้ว่า sectorไหนเป็นsectorแห่งอนาคตได้นะครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Mar...

ภาวะหุ้นและทอง 2-7-10

ทอง : รายงานการใช้สิทธิเคลมการว่างงานในสหรัฐพุ่งสูงขึ้นเป็นทวีคูณ จาก 13000 เป็น 472000 ทำให้เงิน $ อ่อนยวบ และตามปัจจัยพื้นฐานนี้ อันที่จริงเท่าที่คำนวณน่าจะทำให้ทองคำบวกขึ้นไปประมาณ + 20 $ ได้ครับ แต่เหตุการณ์ที่เป็นบวกเช่นนี้กลับถูกแรงขายอย่างหนัก นำโดย SPDR แต่ก็ขายเพียงแค่ 1.22 ตันเท่านั้น ผสมโรง Follow by กองทุนทองคำต่างๆก็ขายออกมาตามกันทำให้ทองคำร่วงไปถึง 1195 ถือว่ารุนแรงมาก เมื่อเทียบ จาก ปริมาณขายที่ดูไม่ค่อยจะมากเท่าไรนัก ผมตื่นเช้ามาโดยหวังว่าน่าจะ Rebound กลับไปที่ 1215 ได้สบายๆแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ขณะที่เขียนเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1202 เท่านั้น ปัจจัยทางเทคนิคที่เราเคยใช้เจ้า SMA 21 วันทำกำไรมา 3-4 รอบนั้นเป็นอันต้องลืมไปก่อนแล้วมาหาจุดสังเกตุกันใหม่ ตอนนี้น่าจะดูที่แนวรับ EMA (E=exponential) 75 วัน ซึ่งให้แนวรับที่ 1194 อันเป็นจุดที่ราคาลงมาทดสอบครั้งนึงแล้วไม่หลุดนั่นเองครับ รายงาน จาก สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าคนจะนำเงิน จาก การขายทองเพื่อไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลเนื่อง จาก ความผันผวนทางเศรษฐกิจ .... อ้าว....ตกลงทองไม่ใช่ Save Haven แล้วหรือ ก็ว่า...

Carbon credit ,ไม่ใช่เรื่องใหม่ มาอ่าน เข้าใจกันง่ายๆดีกว่า

"ผลกำไรของเอกชน เป็นของเอกชนเจ้านั้นๆ แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นั่นเป็นของสังคมโดยรวม" การทำธุรกิจเพื่อหวังผลกำไร แต่การดำเนินงานนั้นอาจจะส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมเป็นผลลบสู่สังคม หรือทำให้สังคมขาดทุน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการผลิต  เช่น การผลิตรถยนต์นั้น ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการปล่อย Co2 ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้ จนทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก หรือเรียกว่า greenhouse effect  ....นี่เป็นต้นทุนทางสังคม Benefit-cost เราเรียกการทำให้สังคมเสียหายนี้ว่า Negative externalities แปลเป็นไทยแบบภาษาพูดง่ายๆ ก็คือ การประกอบธุรกิจเพื่อหวังผลกำไรของเอกชน(หรืออุตสาหกรรมต่างๆ) กำไรเป็นของเอกชน ซึ่งเป็นเรื่องภายในของคุณ แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของสังคมนั้นเสียหาย ซึ่งก่อผลกระทบสู่ภายนอก ในปี 2005 ภายหลังที่ บิล คลินตัน ออกมารณรงค์เรื่องโลกเขียว (รักษาสิ่งแวดล้อม) สถิติจากWorld Resources  ระบุว่า สหรัฐฯพี่ใหญ่เป็นคนปล่อยCo2สูงสุดปีละ 5.7 พันล้านตัน อันดับ 2 คือจีน 3.4 พันล้านตัน อันดับ 3 คือ รัสเซีย 1.5 พันล้านตัน ญี่ปุ่น 1.2 พันล้านตัน อังกฤษ 558 ล้านตัน ส่วนไทย 172 ล้านตัน...