ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Charice Pempengco : Power is "Because you love me"



Charice Pempengco เด็กสาวตัวน้อยจากประเทศ Philippine เธอมีพลังเสียงในการขับร้องเพลงอย่างน่าอัศจรรย์ แม้อายุจะน้อย (ปัจจุบัน16 ปี) และไม่เคยได้เรียนร้องเพลงจากสถาบันไหน แต่ความสามารถในการร้องเพลงของเธอนั้นสามารถเทียบชั้นได้กับระดับ World Class ซึ่งบรรดาเหล่า Classical Star ใน Holly Wood หลายต่อหลายคนก็ต่างยอมรับ และยังได้เชิญชวนเธอมาเพื่อขับร้องเพลงประสาน(Duet)อีกด้วย


ทำไมเธอถึงได้มีความสามารถได้ขนาดนั้น เสียงของเธอเป็นสิ่งที่สวรรค์บันดาลให้เป็นพิเศษเพื่อให้ได้เป็นนักร้องที่ร้องเพลงได้อย่างเหลือเชื่อ อย่างนั้นหรือไร... สิ่งที่ผมจะนำเสนอให้คุณได้รับรู้คือ Charice เธอร้องเพลงโดยมีเป้าหมายเพื่อที่จะเป็นการช่วยหารายได้มาจุนเจือครอบครัว โดยครอบครัวของเธอมีฐานะอยู่ในระดับกลางถึงล่าง ซึ่งคงเป็นกลุ่มระดับฐานะทางเศรษฐกิจที่น่าสงสารที่สุด เพราะหากคุณอยู่ที่ระดับล่างคุณก็จะได้สิทธิเอื้ออาทรต่างๆที่คนในสังคมจุนเจือให้ด้วยสงเคราะห์ หรือหากอยู่ในระดับกลาง-สูงก็อาจจะได้รับโอกาสจากคนในสังคมระดับสูงอยู่บ้าง Charice มีเป้าหมายที่ชัดเจนอันประกอบไปด้วยศรัทธาแห่งความรักที่มีต่อคนคนหนึ่งที่ผูกพันและใกล้ชิดที่สุดของเธอ


หากคุณได้ฟังเสียงของเธอ และปิดตาลงเพื่อรับฟังก่อนที่จะได้เห็นตัวเธอ คุณเองคงจะประหลาดใจเมื่อได้ทราบว่าเหตุใดเด็กสาวคนนี้จึงมีพลังเสียงและเทคนิคในการเอื้อนเอ่ยเสียงเพลงได้อย่างเสนาะหูเกินกำลังของคนวัยเดียวกันหรือแม้กระทั่งระดับนักร้องทั่วๆไปจะทำได้ สิ่งที่เธอทำได้เช่นนี้นั้นก็เนื่องด้วยพลังของเธอ พลังของเธอนั้นมาจากความรัก ความปรารถนาดีที่จะร้อง ร้องเพลงเพื่อคนๆหนึ่งคนนั้นที่เธอรักมากที่สุดนั่นก็คือ แม่ ของเธอนั่นเอง


เมื่อคุณมีความตั้งใจที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้กับคนอื่นโดยเฉพาะคนที่คุณรักที่สุด จิตจะรวมเป็นหนึ่ง ความเห็นแก่ตัวจะหมดไป สิ่งที่เหลืออยู่จะเป็นจิตที่ประภัสสร ซึ่งจะก่อให้เกิดพลังใจจากภายในและขับออกสู่ภายนอกแสดงออกมาเป็นการกระทำ อันเป็นการกระทำที่มุ่งมั่นไม่ย่อท้อ ประณีตพิธีพิถัน เกิดสมาธิเต็ม เหล่านี้จะส่งผลให้คุณสามารถจะทำมันได้อย่างดีที่สุด อาจดีจนกระทั่งคุณเองก็นึกไม่ถึงก็ปาน และที่สำคัญบางครั้งนั้นมันก็อาจจะเป็น First-hand ActingหรือKnowledge ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกบนโลกหรือในจักรวาลนี้ก็ได้ เฉกเช่น Charice ที่ได้แสดงพลานุภาพแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ของเธอแสดงออกมาผ่านการร้องเพลงให้โลกได้ประจักษ์มาแล้ว


ดาวดวงเด่นนี้จะยังคงส่องแสงประกายและยิ่งเด่นมากยิ่งขึ้นทุกวัน นอกจากทำให้ผู้คนได้ชื่นชมแล้วแสงสว่างของมันยังได้ส่องประกายออกไป เพื่อจุดประกายแห่งความรัก ความหวังและศรัทธาไปยังดาวดวงอื่นๆอีกต่อไป ไม่จบสิ้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัญญัติ 10 ประการ ของวิชาเศรษฐศาสตร์

แต่ละคนเลือกตัดสินใจกันอย่างไร  ? บทบัญญัติที่ 1 : แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” (Tradeoffs) เสมอ There is no such thing as a free lunch การแลกกันระหว่าง “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) และ “ความยุติธรรม” (Equity) การตระหนักรู้ในภาวะ “ได้อย่าง-เสียอย่าง” ก็มีความสำคัญเพราะคนสามารถมีการตัดสินใจที่ดีก็ต่อเมื่อทราบถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ บทบัญญัติที่ 2 : ต้นทุนของสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่คุณยอมเสียไปเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) คือ สิ่งที่คุณยอมสละไปเพื่อให้ได้มาซึ่งของสิ่งนั้น การตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ผู้ตัดสินใจควรคำนึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น นักกีฬาที่อาจทำเงินได้เป็นล้าน ๆ หากออกจากโรงเรียนไปเป็นนักกีฬาอาชีพจะตระหนักดีว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเรียนต่อของเขาสูงมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาเหล่านั้นเลือกออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนน้อยกว่าต้นทุนที่เกิดขึ้น บทบัญญัติที่ 3 : คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละหน่วย” (Margin) การเปลี่ยนแปลงแบบเพิ่มทีละหน่วย หรือ “Margina

กระบวนการ(process) สำคัญกว่า ผลลัพธ์(output)

ฝากถึงน้องๆที่เรียนหรือทำงานสายการตลาด หรืองานใดที่มีเป้าหมาย(goal)เป็นสำคัญ รวมถึงท่านผู้บริหาร.... อย่าได้ไปสนใจผลลัพธ์[output] เป้าหมายหรือคะแนนที่ได้ มากจนเกินไป หลายครั้งที่ผลลัพธ์นั้นเป็นปัจจัยที่เราไม่อาจควบคุมได้ หรือต้องใช้โชคช่วย(ดวง) แต่ถ้าเรามีการทำงานหรือมีกระบวนการทำงาน(PROCESS)ที่ดี ...แม้ว่าผลลัพธ์วันนี้ยังไม่ดี จะขอให้เชื่อมั่น และมั่นใจ ในประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานที่ดี และมีคุณภาพ ว่าสักวันหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ดีจะต้องตามมา อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่หากบางท่านมีกระบวนการที่ไม่ดี แต่ดันโชคช่วยมีผลงานที่ดี ก็อย่าได้เบาใจ จะขอให้ จงระมัดระวัง ว่าผลลัพธ์หรือลูกค้าที่ดีนั้น จะอยู่กับท่านได้ไม่นาน หรืออาจจะไม่มีอีกต่อไปก็เป็นได้ เพราะว่าดวงที่ดี จะไม่มาช่วยท่านอยู่บ่อยๆหรอก สรุปคือ ... "กระบวนการดี ผลลัพธ์ดีแน่ กระบวนการไม่ดี ผลลัพธ์ไม่แน่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ อย่าบ้าผลลัพธ์มากจนเกินไป สิ่งสำคัญคือการพัฒนาการทำงาน ไม่ใช่ทำทุกทางเพื่อความสำเร็จ สำเร็จแล้วมิใช่เอาแต่ทำบุญหวังโชค หากต้องพัฒนาตนให้ก้าวต่อไปด้วย จึงจะมั่นคง" ปล.ต่อยอดความคิดจ

Ben Bernanke : พี่เหม่ง

Ben Bernanke เป็นบุคคลที่ผมชอบเขียนล้อเลียนขำขำ โดยเรียกว่า"พี่เหม่ง" ... เบนันเก้เป็นประธานFedที่รับไม้ต่อจากนายอลัน กรีนสแปน ซึ่งดำรงตำแหน่งเกือบ 20ปี บุคคลที่นักธุรกิจชาวUsกล่าวยกย่องถึงขนาดที่ว่าเป็นเทวดามาโปรด เพราะสามารถทำให้เศรษฐกิจus เติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด อย่างไรก็ดีไม่มีอะไรจะฝืนธรรมชาติได้ การโตอย่างต่อเนื่องมันต้องมีจุดย่อตัวบ้าง แต่ในขณะนั้นเศรษฐกิจus เติบโต เติบโต เติบโต จากมาตรการของนายกรีนสแปน ที่สำคัญก็คือการลดอัตราดอกเบี้ย เมื่อโตอย่างไม่หยุดพัก ก็เหมือนฟองสบู่ลอยล่องรอวันแตก จนกระทั่งพี่เหม่งของผมเข้ามารับช่วงต่อ ฟองสบู่ก็แตกโพล๊ะ พอดิบพอดี -_-" พี่เหม่งของผมก็เลยรับความซวยนี้ไปเต็มๆ ...อย่างไรก็ดีไม้เด็ดของเฮียอย่างQe ถือเป็นการคิดนอกกรอบเพื่อการแก้วิกฤติแบบนึกไม่ถึงเลยทีเดียว จึงทำให้ในปัจจุบันUs สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตนั้นมาได้ด้วยเงินร้อนๆจากQe 2557ม.ค. ,เฮียกำลังจะหมดวาระ โดยมีแคนดิเดตเช่น ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส  และ เจเน็ต เยลเลน ที่จะเข้ามารับช่วงต่อ ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อชื่นชมเฮียแกจริงๆครับ คงคิดถึงไม่น้อยเลยอะ ..... T-